เตือน!! ประชาชนทั่วไปไม่มีสิทธิ์ปลูกกัญชา กฎหมายอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และการศึกษาวิจัย เท่านั้น

จากกรณีที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค5 (สำนักงานปปส.ภ.5) ร่วมกับหน่วยงานภาคีในพื้นที่เข้าตัดฟันเผาทำลายพื้นที่ลักลอบปลูกกัญชารวม 6 แปลง มีต้นกัญชาทั้งหมด 900 ต้น ในเขตพื้นที่ ต.สะเมิงเหนือ อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2562 ภายหลังการออกกฎหมายผ่อนปรนให้ใช้ประโยชน์กัญชาทางการแพทย์ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2562 – ปัจจุบัน พบการลักลอบปลูกกัญชารวม 15 ครั้งใน 11 จังหวัดได้แก่ สุพรรณบุรี ปทุมธานี นครพนม ชุมพร น่าน เลย แพร่ นครราชสีมา สุรินทร์สระแก้ว ล่าสุดที่ จ.เชียงใหม่ รวมกัญชาที่ลักลอบปลูก ทั้งหมด 7,537 ต้น
นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการป.ป.ส.) กล่าวว่า แม้นโยบายของรัฐบาลจะผ่อนปรนให้ใช้ประโยชน์จากกัญชาในทางการแพทย์และการศึกษาวิจัย แต่ไม่ได้หมายถึงว่าประชาชนทั่วไปจะสามารถดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับกัญชาโดยไม่ได้ขออนุญาตได้ เนื่องจากกัญชายังเป็นยาเสพติดผิดกฎหมาย
หากประชาชนหน่วยงาน/องค์กรใด มีความประสงค์จะดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับกัญชาต้องเป็นไปตามกรอบของกฎหมายเท่านั้น ทั้งนี้ สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เน้นย้ำถึงการใช้กัญชา เพื่อประโยชน์ในทางการแพทย์และการศึกษาวิจัยเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนหรือผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องใช้สารสกัดจากกัญชา เท่านั้น
ดังนั้น กัญชายังคงเป็นยาเสพติดผิดกฎหมาย ประชาชนทั่วไป ไม่สามารถปลูกกัญชาได้
ผู้ที่ได้รับอนุญาตจะต้องเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนดไว้เท่านั้น ขณะนี้มีหน่วยงานที่ได้รับอนุญาตให้ปลูกกัญชาจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จำนวน 11 แห่ง

สำหรับผู้ป่วยที่มีความประสงค์จะใช้สารสกัดจากกัญชาขอให้ไปพบแพทย์ เพราะปัจจุบันมีโรงพยาบาลที่รักษาด้วยสารสกัดกัญชาแล้วรวมจำนวน 26 แห่งทั่วประเทศ ล่าสุด นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้มอบให้กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ทำโครงการวิจัยติดตามลักษณะการใช้และคุณภาพชีวิตของผู้ใช้น้ำมันกัญชาในทางการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ตำรับหมอพื้นบ้าน (สูตรอาจารย์เดชา) ผลิตโดยกองพัฒนายาแผนไทยและสมุนไพร กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการอาหารและยา ให้ดำเนินการผลิตน้ำมันกัญชา ขนาดบรรจุ 5 ซีซี เพื่อใช้ในโครงการวิจัยฯ 3,300 ลิตร จำนวน 660,000 ขวด ให้แก่โรงพยาบาลที่มีบริการคลินิกกัญชาทางการแพทย์แผนไทยและเข้าร่วมในโครงการวิจัยฯ เบื้องต้นมีจำนวน 22 แห่ง
นายอนุทิน กล่าวว่า การวิจัยติดตามผลการดูแลผู้ป่วยที่ใช้น้ำมันกัญชาฯ สูตรอาจารย์เดชา ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในครั้งนี้ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาและวิจัยตำรับยาแผนไทยที่มีกัญชาปรุงผสมอยู่ เพราะได้รู้ผลของการรักษา ข้อดีหรือข้อเสียจากผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น โดยผู้ป่วยจะได้รับการตรวจประเมินค่าทำงานของตับ ไต คุณภาพชีวิต อาการไม่พึงประสงค์ เพื่อนำไปปรับปรุงพัฒนาให้ได้ตำรับที่มีประสิทธิภาพ มีความปลอดภัย เหมาะกับผู้ป่วยในแต่ละกลุ่มโรคต่อไป

สำหรับโรงพยาบาล 22 แห่ง ที่มีบริการคลินิกกัญชาทางการแพทย์แผนไทยและร่วมในโครงการวิจัยฯ มีดังนี้
เขตสุขภาพที่1 รพร.เด่นชัย จ.แพร่ ,รพ.เถิน จ.ลำปาง
เขตสุขภาพที่ 2 รพ.บางกระทุ่ม ,รพร.นครไทย จ.พิษณุโลก
เขตสุขภาพที่ 3 รพ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์ ,รพ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี
เขตสุขภาพที่ 5 รพ.ดอนตูม จ.นครปฐม,รพ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ,รพ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี
เขตสุขภาพที่ 6 รพ.เฉลิมพระเกียรติฯ จ.ระยอง
เขตสุขภาพที่ 7 รพ.พล จ.ขอนแก่น
เขตสุขภาพที่ 8 รพ.พระอาจาย์ฝั้นฯ,รพ.วานรนิวาส , รพร.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ,รพ.ห้วยเกิ้ง จ.อุดรธานี ,รพ.หนองบัวลำภู จ.หนองบัวลำภู
เขตสุขภาพที่ 9 รพ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์
เขตสุขภาพที่ 10 รพร.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี ,รพ.พนา จ.อำนาจเจริญ
เขตสุขภาพที่ 11 รพ.ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี
เขตสุขภาพที่ 12 รพ.ป่าบอน จ.พัทลุง
เขตสุขภาพที่ 13 รพ.การแพทย์แผนไทยและการแพทย์ผสมผสาน

ร่วมแสดงความคิดเห็น