ชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบร้องสื่อ หลังสถาบัน วว. ไม่ปฎิบัติตามคำพิพากษาของศาล วอนนายกช่วยเหลือ

เมื่อวันที่ 14 ต.ค.62 ได้รับการร้องเรียนจากนางสุภารัตน์ อายุ 49 ปี ซึ่งเป็นผู้เสียหาย ที่ไม่ได้รับเงินคืนจากการรับโอนสิทธิ์ ในการก่อสร้างอาคารศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีลำไย เพื่อการส่งออกหรือโรงอบลำไย ในพื้นที่จังหวัดลำพูน เมื่อปี 2558 จากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย หรือ วว. ได้มีการหักเงิน 10 เปอร์เซ็นต์ของยอดจ่ายเงินในแต่ละครั้ง ในการตรวจงานในการก่อสร้าง เพื่อเป็นการประกันงานตามสัญญาที่ทำไว้ รวมเป็นจำนวนเงิน 3,690,000 ล้านบาท (สามล้านหกแสนเก้าหมื่นบาท) ซึ่งที่ผ่านมาทางผู้เสียหายได้ทวงถาม ร้องเรียนหน่วยงานให้รับผิดชอบจ่ายเงินทั้งหมด แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน อีกทั้งทางธนาคารก็ได้เร่งรัดทวงถามเงินที่กู้มาในการลงทุนก่อสร้างโรงอบลำไย จึงวิงวอนไปถึงท่านพล.อ.ประยุทธ์ จันโอชา นายกรัฐมนตรี ได้ช่วยเหลือด้วย
นายอริญชย์ อินทรบุรี ทนายความผู้รับมอบอำนาจ จากนางสุภารัตน์  ได้เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2558 ทางผู้เสียหายได้เป็นผู้รับการโอนสิทธิ์ ในการก่อสร้างอาคารศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีลำไย เพื่อการส่งออกหรือโรงอบลำไย ที่ตำบลวังผาง อ.เวียงหนองล่อง จังหวัดลำพูน จากคู่สัญญาห้างหุ้นส่วนแห่งหนึ่ง ที่ได้ทำสัญญากับทาง สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย หรือที่เรียกกัน วว. เป็นจำนวนเงิน 36,900,000 บาท (สามสิบหกล้านเก้าแสนบาทถ้วน) และผู้เสียหายเป็นผู้รับโอนสิทธิ์ค่างานในการก่อสร้าง ซึ่งทาง วว. รับทราบและได้มีการจ่ายเงินค่างวดในการก่อสร้างให้กับผู้เสียหายมาโดยตลอด รวม 10 งวด
ซึ่งในการจ่ายเงินแต่ละครั้ง ตามสัญญาทาง วว. ได้หักเงินจำนวน 10 เปอร์เซ็นต์ เพื่อเป็นการประกันผลงาน และเงินที่หักไว้จะต้องจ่ายคืน เมื่อตรวจรับงานแล้วเสร็จ รวมทั้งหมด 10 งวด จนมีการก่อสร้างอาคารศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีลำไย เพื่อการส่งออกหรือโรงอบลำไยแล้วเสร็จ เมื่อ 18 ธันวาคม 2558 แต่หลังจากนั้นได้ทวงถามเงินประกันผลงานมาโดยตลอด จนมาทราบว่าทาง วว. จ่ายเงินคืนให้กับทางห้างหุ้นส่วน ที่ทำสัญญากับทาง วว. ครั้งแรก เมื่อวันที่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2559 ซึ่งเท่ากับเป็นการจ่ายเงินผิด และได้มีการทวงถามเงินจำนวนดังกล่าวหลายครั้ง จนในที่สุดต้องมีการฟ้องร้องค่าเสียหายต่อศาลจังหวัดลำปาง เพื่อให้ศาลได้มีคำพิพากษา มีการยื่นฟ้องเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2559
ต่อมาศาลจังหวัดลำปาง ได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2561 ซึ่งคดีก็ได้ถึงที่สุดแล้ว เนื่องจากไม่มีคู่ความฝ่ายใดยื่นอุทธรณ์หรือฎีกา ทางศาลก็ได้ส่งหนังสือคำบังคับไปยัง วว. ซึ่งเป็นจำเลยร่วมให้ปฎิบัติตามคำพิพากษาของศาล และทาง วว. ก็รับทราบคำสั่งศาลแล้ว แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่ได้ดำเนินการจ่ายเงิน จำนวน 3,690,000 ล้านบาท (สามล้านหกแสนเก้าหมื่นบาท) พร้อมดอกเบี้ยตามที่กฎหมายกำหนดให้แต่อย่างใด ถึงแม้ในคำพิพากษาของศาล ให้ทาง วว. ปฎิบัติตามคำสั่งภายใน 30 วัน แต่เวลาก็เนิ่นนานผ่านมาได้หลายเดือนแล้ว จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่ได้รับเงินคืนแต่อย่างใด ถึงแม้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาภายหลังจากศาลจังหวัดลำปาง ได้มีคำพิพากษาแล้วทางผู้เสียหายได้เดินทางขอเข้าพบทาง ผอ.วว. และได้ทำหนังสือร้องทุกข์ ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและการพลังงาน เพื่อทวงถามแต่ก็ไม่ให้พบหรือให้ความสะดวกหรือ คำตอบที่ชัดเจน และหมดหนทางที่พึ่งได้เพื่อเรียกร้องสิทธิ์ จึงได้ร้องสื่อนำเสนอข้อเท็จจริง ให้ทางรัฐบาล หน่วยงานที่รับผิดชอบ รวมทั้งท่านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และช่วยเหลือประชาชนด้วย

ร่วมแสดงความคิดเห็น