งบกว่า 500 ล้านสร้างสะพาน ข้ามจุดตัดทางรถไฟแยกดอยติ – ลำพูน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่กรมทางหลวง จัดทำแผนพัฒนาทางหลวงทั่วประเทศ ล่าสุดได้จัดสรรงบก่อสร้างสะพานข้ามจุดตัดทางรถไฟ พื้นที่ จ.ลำพูน ในทางหลวง 114 ตอนดอยติ – ลำพูน ระหว่างกม.0+000 – กม. 2+998 (กม.ใหม่) ระยะทาง 2.998 กม. ระยะเวลาดำเนินการ 990 วันในพื้นที่ ต.ป่าสัก อ.เมืองลำพูน งบ 522,076,000 บาทเพื่อส่งเสริมศักยภาพทางเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่ เพิ่มประสิทธิภาพการจราจรขนส่ง อำนวยความสะดวกปลอดภัยในการเดินทาง รองรับการพัฒนาการขนส่งระบบราง ทั้งโครงการรถไฟรางคู่ และรถไฟความเร็วสูงในอนาคต ซึ่งลำพูนจะเป็นอีกสถานีจอด
รูปแบบสะพานเป็นคอนกรีต ขนาด 2 ช่องจราจร ช่องละ 3.50 ม. รวมกว้าง 7 ม.ไหล่ทางข้างละ 0.5 ม.ขอบทางกว้าง ด้านละ 0.5 ม. 3 แห่ง ประกอบด้วยช่วง 370.5 ม. ข้ามจุดตัดทางรถไฟ ขาออกจากลำพูน ช่วง 413.5 ม. ขาเข้าและช่วง 264 ม.ข้ามสามแยกป่าสัก ขาไป จ.ลำพูน จะมีเชิงลาดสะพาน 6 จุด ๆ ละ100 – 150 ม. สร้างขยายคันทาง หนา 0.65 ม.ผิวทางหนา 0.75 ม.ทางเดินเท้าและระบบระบายน้ำ พร้อมบ่อพัก รวมกว้าง 4 ม. , ชิดเขตทางหลวง งานไฟฟ้าแสงสว่าง และอื่น ๆ ตามแบบ
ทั้งนี้โครงการได้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นประชาชน เพื่อไม่ให้มีผลกระทบหรือเกิดผลกระทบน้อยที่สุด ส่วนใหญ่เห็นด้วยพร้อมมีข้อเสนอแนะหลายด้าน อาทิ ให้พิจารณาแก้ปัญหาทางเข้า – ออก ชุมชนบ้านหนองบัว หมู่บ้านกรีนปาร์ค , แกรนด์วิลล่า และบริเวณใกล้เคียง เพิ่มมาตรการความปลอดภัย จุดกลับรถ บริเวณหน้าห้างแจ่มฟ้า และทางเข้าหน้าตลาดจตุจักร เป็นต้น
ขณะนี้สถานะโครงการพร้อมดำเนินการตามแผน มีการติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์การก่อสร้างฯ เตรียมเคลื่อนย้ายสาธารณูปโภคต่าง ๆ ที่อาจเป็นอุปสรรคในการก่อสร้าง โดยผู้รับจ้างเข้าดำเนินการตามแผน ซึ่งกำหนดระยะเวลา ตั้งแต่ 1 มีนาคม 2562 จนถึง 15 ธันวาคม 2564 ได้เริ่มปรับไหล่ทางพร้อมติดตั้งป้ายเตือน บอกเส้นทางเลี่ยง ทางเบี่ยงแล้ว
เป็นที่น่าสังเกตุว่า บริเวณทางแยกสันป่าสักเป็นอีกจุดแยก ที่มีการจราจรคับคั่ง ในช่วงเทศกาล เพราะเป็นทางเลี่ยงไปยังถนน 116 ผ่านแยกสะปุ๋งตัดตรงไปยังดอยอินทนนท์ ซึ่งสายทาง 116 นั้น มีแผนจะพัฒนาเป็น 4 ช่องทางสัญจร รองรับโครงการพัฒนาเครือข่ายถนน เชื่อมระหว่างเชียงใหม่ – ลำพูน – แม่ฮ่องสอน ตามที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 กำลังเร่งผลักดันเส้นทางไปยังแม่ฮ่องสอน ให้สะดวก รวดเร็วขึ้น รวมถึงเชื่อมไปยังชายแดนเมียนมาในอนาคตด้วย

ร่วมแสดงความคิดเห็น