“พระพุทธรูปสิงห์หยก” วัดอู่ทรายคำเชียงใหม่

พระพุทธรูปสิงห์หยก วัดอู่ทรายคำ เมืองเชียงใหม่ เป็นพระพุทธรูปที่สร้างจากเนื้อหยกสีเทาอมฟ้า ซึ่งมาจากบ่อหยกเมืองผากั้น ทางตอนเหนือของประเทศพม่า ลักษณะของพระพุทธรูปสิงห์หยก หรือพระสิงห์หยก เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะล้านนาเชียงแสน แบบสิงห์ 1 หน้าตักกว้าง 29 นิ้ว สูง 41 นิ้ว น้ำหนัก 900 กิโลกรัม นับเป็นพระพุทธรูปที่สร้างจากหยกธรรมชาติของพม่าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
พระสิงห์หยก วัดอู่ทรายคำ เป็นพระพุทธรูปศิลปะแบบเชียงแสน รุ่นสิงห์หนึ่ง แกะสลักโดยนายนริศ รัตนวิมล ช่างชาวเชียงราย โดยมีอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินวาดภาพระดับแถวหน้า สล่าล้านนาออกแบบพระพุทธรูปและควบคุมในการแกะ ใช้เวลาในการแกะสลักภายในวัดอู่ทรายเป็นเวลา 6 เดือน
หากจะกล่าวถึงความสำคัญของวัดอู่ทรายคำ สถานที่ประดิษฐานพระสิงห์หยก ตามตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่กล่าวว่า วัดอู่ทรายคำ เดิมเรียกกันว่า “วัดอูบคำ” บ้าง “วัดอุกคำ” บ้าง แต่ในตำนานเมืองเชียงใหม่ ได้กล่าวถึงสมัยพระบรมเชษฐาธิราช ยกทัพไปเมืองเชียงแสน มีความว่า “ศักราชได้ 1166 ปีกาบไจ้ เดือน 8 ขึ้น 12 ค่ำวันอาทิตย์ ยกกองทัพเข้าไปตั้งทัพทำข้าวเปลือก ทิศตะวันตกเมืองเชียงแสน ชาวเมืองเชียงแสนทั้งมวล มีท้าวพระยาเสนาอามาตย์ เป็นต้น ก็พากันเข้ามากราบแทบไต้พื้นสุวรรณบาทจักร์คำ พระเป็นเจ้านับเลี้ยง”
พระบรมเชษฐาธิราช ได้อพยพชาวเชียงแสนลงมาไว้ที่เมืองเชียงใหม่ อันมี ช่างทำเครื่องเขิน เครื่องเงิน เครื่องทอง สถาปนิก ช่างตีเหล็ก เมื่อมาถึงเมืองเชียงใหม่แล้วก็ให้กระจายไพร่พลเหล่านั้นไปอยู่ในที่ต่าง ๆ เช่น บ้านฮ่อม บ้านเมืองสาท บ้านเจียงแสน เป็นต้น ช่างฝีมือเหล่านั้น ต่างก็มีความเลื่อมใสในพุทธศาสนา ซึ่งได้นำพระพุทธรูปและใบลานที่เป็นธรรมเทศนาจากเชียงแสน แล้วนำมาไว้ในหอไตรวัดพระสิงห์เป็นจำนวนมาก จากนั้นจึงพากันสร้างวัดวาอารามตามชุมชนที่ตนอาศัย เช่น ช่างเงิน ก็สร้างวัดชื่อ วัดช่างดอกเงิน ช่างคำ ก็สร้างวัดชื่อ วัดช่างดอกคำ วัดอูบคำ หรือ วัดอู่ทรายคำ ก็เป็นนามของอุบาสิกาท่านหนึ่งที่อพยพมาจากเมืองเชียงแสน ได้เป็นประธานสร้างวัดแห่งนี้ ซึ่งเป็นวัดเล็ก ๆ อยู่นอกคูเมืองหลวง
จนกระทั่งถึงสมัยของเจ้าหลวงพุทธวงศ์ หรือ เจ้าแผ่นดินเย็น เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 4 (พ.ศ.2367 – 2389) ได้มีการบูรณะสร้างวัดจากที่เคยรกร้างมาก่อน เมื่อปี พ.ศ.2384 จากนั้นครูบาหลวงจันทะ ได้เข้ามาบูรณะต่อ เมื่อปี พ.ศ.2414 เรียกชื่อว่า วัดอู่ซายคำ หรือวัดอุปลายคำ หลักฐานจดหมายเหตุ ฉบับสมุดข่อยเขียนด้วยอักษรล้านนา ซึ่งได้มาจากนายหนานแก้ว บ้านพวกแต้ม เมื่อปี พ.ศ.2516 มีบางตอนกล่าวถึงวัดอู่ทรายคำว่า “ศักราช 1233 ปีร้วงเม็ด เดือน 7 แรม 10 ค่ำ วัน 6 (พ.ศ.2414 ปีมะแมตรีศก เดือน เมษายน – พฤษภาคม) เป็นพญาวัน ถึงเดือน 10 ปถมแรม 8 ค่ำ พัฒนาเผี้ยวถางวัดอู่ทรายคำ (หมายถึง เป็นบริเวณวัดร้างที่ได้สร้างมาก่อนหน้านี้เป็นเวลานานแล้ว) บูรณะวัดอู่ทรายคำวันนั้นแล” สำหรับผู้สนใจ ต้องการไปกราบไหว้นมัสการพระสิงห์หยก ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สามารถเข้าไปสักการะได้ที่ วิหารวัดอู่ทรายคำ ถ.ช้างม่อยเก่า อ.เมือง จ.เชียงใหม่
บทความโดย
จักรพงษ์ คำบุญเรือง

ร่วมแสดงความคิดเห็น