7 อาหารบํารุงเลือด ป้องกันโรคโลหิตจาง วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด วูบบ่อยๆ!

ธาตุเหล็กเป็นธาตุที่สำคัญต่อร่างกายเพราะช่วยป้องกันภาวะโลหิตจางโดยเฉพาะคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ ปกติแล้วผู้ชายต้องการธาตุเหล็กวันละ 10 มิลลิกรัม ส่วนผู้หญิงต้องการธาตุเหล็กวันละ 24 มิลลิกรัม แต่เมื่อตั้งครรภ์ร่างกายจะต้องการธาตุเหล็กถึงวันละ 45 มิลลิกรัม ดังนั้นการรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง จะช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง ป้องกันอาการอ่อนเพลีย วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด และนี่คือ อาหารบํารุงเลือด ที่ผู้หญิงและคุณแม่ทุกคนควรรับประทานเป็นประจำ

7 อาหารบํารุงเลือด

เครื่องในสัตว์ ธาตุเหล็กมีอยู่ในอาหารจำพวกเครื่องในสัตว์ ตับหมู 100 กรัม มีธาตุเหล็ก 10.5 มิลลิกรัม ซึ่งเป็นอาหารที่สามารถดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้ดีที่สุด โดยเฉพาะเมื่อรับประทานร่วมกับอาหารที่มีวิตามินซีสูงอย่าง พริกหวาน บร็อคโคลี่ มะเขือเทศ จะยิ่งช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดียิ่งขึ้น

ทับทิม

ทับทิมเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารอาหารและแร่ธาตุมากมายที่จำเป็นต่อร่างกาย การรับประทานทับทิมจะบรรเทาอาการอ่อนเพลียและเหนื่อยล้า อีกทั้งทับทิมยังอุดมไปด้วยธาตุเหล็กซึ่งมีประโยชน์ต่อเลือด

ขิง

ขิงจะช่วยกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนดีขึ้นและยังช่วยลดอาการปวดประจำเดือน เพียงแค่รับประทานสารสกัดจากขิงหรือดื่มน้ำขิงร้อนๆ วันละ 3-4 ครั้ง ตั้งแต่วันที่เริ่มมีประจำเดือนและรับประทานอย่างต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 3 ของการมีประจำเดือนก็จะช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือนได้

ผักกูด

ผักกูด 100 กรัม มีปริมาณธาตุเหล็กถึง 36.3 กรัม ช่วยในการบำรุงเลือด ป้องกันภาวะโลหิตจาง จึงเป็นผักที่เหมาะสำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์และผู้ที่บริจาคเลือดเป็นประจำ

ใบกะเพราแดง

ใบกะเพราแดง มีธาตุเหล็กสูงใบกะเพราแดงปริมาณ 100 กรัม มีธาตุเหล็กอยู่ 15 มิลลิกรัม ซึ่งธาตุเหล็กจะช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดงและป้องกันโรคโลหิตจาง

งาดำ

งาดำ ผู้ที่มีปัญหาหรือเป็นโรคที่เกี่ยวกับระบบเลือด ควรรับประทานงาดำเพราะมีธาตุเหล็กที่จะช่วยบำรุงเลือด ช่วยลดความดันโลหิต ขยายหลอดเลือด และป้องกันเกล็ดเลือดที่จะเกาะตัวกันเป็นลิ่ม

ผักเคล

ผักเคล มีธาตุเหล็กในปริมาณค่อนข้างสูงและสูงกว่าการรับประทานเนื้อสัตว์ต่างๆ และยังมีวิตามินเคที่จะช่วยให้เลือดแข็งตัวได้ดี เลือดลำเลียงออกซิเจนไปยังอวัยวะต่างๆของร่างกาย ช่วยให้เซลล์เติบโต บำรุงการทำงานของตับ อีกทั้งวิตามินเคยังช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดี

ที่มา : health