“ค้าบุก”ภาคเหนือ ล้งจีนกุมตลาด ป่าไม้ดันขึ้นบัญชีของป่าหวงห้าม

เจ้าหน้าที่ส่งเสริมเกษตร พื้นที่เชียงใหม่ อธิบายว่า บุก เป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ ที่หน่วยงานรัฐฯด้านส่งเสริมเกษตร พยายามผลักดัน ให้เกษตรกรในภาคเหนือเพาะปลูก เพื่อสร้างรายได้อีกช่องทาง นอกเหนือจากผลผลิตอื่น ๆ มาหลายปีแล้ว เพราะบุก เป็นพืชล้มลุก ปลูกง่าย การดูแล ไม่ยุ่งยาก ช่วงแล้งต้นตายไป แต่หัวจะเติบโต ทั่วโลกมีกว่า 170 สายพันธุ์ มีถิ่นกำเนิดทางตะวันออกของเทือกเขาหิมาลัย ไปจนถึงจีน ญี่ปุ่น อินโดจีน และฟิลิปปินส์
ในไทยมีบุกทั้งชนิดหัวกลมและหัวยาว ประมาณ 45 ชนิด ขึ้นอยู่กับพื้นที่ ชาวบ้านนิยมนำต้นอ่อนและช่อดอกมาปรุงเป็นอาหารตามฤดูกาล ที่รับประทานได้มี 3 สายพันธุ์ สรรพคุณทางยาเพื่อลดความอ้วนจะเรียกบุกไข่ ลักษณะพิเศษจะมีไข่อยู่ตามลำต้น ที่สายพันธุ์อื่นของบุกไม่มี พบมากที่ลำปาง พะเยา ตาก เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน
บุก เป็นพืชที่กลุ่มผู้ดูแลอาการเบาหวาน จะคุ้นเคยดี มีสารพิเศษที่ช่วยลดความอ้วนคือ กลูโคแมนแนน ต่อมามีกระแสว่าเป็นพืชชูกำลังด้วย เลยเป็นที่ต้องการของตลาดอาหาร เพื่อคนรักสุขภาพ แหล่งผลิตไหนในไทยไม่มีล้งจีนมาเกี่ยวข้องคงไม่มีแล้ว
” ปัจจุบัน แม้ว่าบุก จะเป็นพืชที่ได้รับการส่งเสริมให้ปลูกกันแพร่หลายทั่วประเทศ แต่จะปลูกมากในภาคเหนือ ผลผลิตที่ได้ ในระบบตลาดเพียงพอ แต่ปัญหาการเข้าไปขุดหาบุกตามป่า ผสมปนเปกับการรุกป่า ปลูกบุก กลายเป็นประเด็นที่ ป่าไม้กังวล เพราะถ้าราคาดีจริง ชาวบ้านได้ประโยชน์ แต่เมื่อกลไกตลาด อยู่ในมือล้งจีน สิ่งที่เกิดขึ้นคือป่าบ้านเราเสียหาย แต่ผลผลิตที่เกิดขึ้นมากมาย ล้งจีนรับเต็มๆในราคาที่กำหนดได้ตามอำเภอใจ อีกผลผลิต “
ล่าสุด นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ ได้เปิดเผยผ่านสื่อฯว่าได้เรียกประชุมคณะทำงานเพื่อแก้ปัญหา กรณีพบนายทุนจีนเข้ามากว้านซื้อบุกต้นเล็ก หรือไข่บุก มีการสร้างโกดังเก็บผลผลิต ซึ่งจากการรายงานของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ในพื้นที่ พบว่า มีโกดังแห่งหนึ่งที่ลำพูน มีการรับซื้อผลผลิตจากตาก ทำการอายัด ยึดตรวจสอบ
ที่ผ่าน ๆ มา หน่วยงานรัฐและผู้ประกอบการ ส่งเสริมการปลูกตามโครงการสร้างป่า สร้างรายได้ มีการกำหนดโควตา พื้นที่ปลูกชัดเจน เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบ ที่จะเน้นการส่งออก นำไปแปรรูป ผลิตภัณฑ์ อาหารเสริม , เครื่องสำอาง ยาบำรุง ลดความอ้วน ประเด็นที่ต้องเข้มงวดคือ ราคาหัวบุกจะล่อใจชาวบ้านในพื้นที่ เข้าไปขุดหาบุก ในอุทยานฯ ในป่าสงวน เนื่องจากราคาสูง กก.ละ 30 บาท
จากนั้น หัวบุกนี้จะมีนายทุนรับซื้อ ขนออกจากไทยไปเพาะปลูกเอง เป็นสถานการณ์ที่น่าห่วง หากบุก
ได้ผลผลิต แล้วทะลักเข้ามาในไทย ผลกระทบด้านราคาจะเกิดขึ้น และการลักลอบขุดทั้งในเขตป่าสงวน ป่าอนุรักษ์ จะเกิดความเสียหายทรัพยากรที่สำคัญ และจะหมดไปในอนาคต
นายอรรถพล กล่าวว่า เบื้องต้นได้หารือกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) จ.แม่ฮ่องสอน จ.ตาก เพื่อควบคุมการลักลอบขุดบุกออกมาขาย หากพบการเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่ จะดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด เพื่อป้องกันความเสียหายด้านราคาในตลาด เพราะเดิมราคากก.ละ 50 – 60 บาท เหลือ15 บาท ก็เป็นปัญหาเดือดร้อนกัน จะหารือเพื่อเตรียมขึ้นบัญชีบุกบางสายพันธุ์ เข้าอยู่ในรายการของป่าหวงห้าม แต่อาจใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ถ้าสกัดกั้นได้จะทำให้กลุ่มที่ปลูกบุก ถูกกฎหมายขายได้ในราคาดีขึ้น พื้นที่ป่าไม่เสียหาย
ด้านเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า การปลูกบุก อยู่ที่ความพอใจจะปลูก อย่า
เชื่อในเครือข่ายการตลาดนำผลผลิตที่อ้างว่าขายหัวพันธุ์ ปลูกแล้วรับซื้อหมด เพราะที่ผ่านๆมา ขนาดหัวมันอาลู ที่มีโควตาโรงงาน มีการส่งเสริม ยังต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพ ถ้าไม่ได้ตามเกณฑ์ ราคาขายไม่คุ้มทุน มีตัวอย่างมาแล้ว ยิ่งช่วงนี้โหมโรงว่า ล้งจีนต้องการมาก เป็นตัวยาชูกำลังด้วย ยิ่งเตลิดกันไปใหญ่ จะทำอะไร หากไม่แน่ใจ สอบถามเจ้าหน้าที่ตามศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีใกล้บ้านดีที่สุด
อดีตเกษตร จ.เชียงใหม่ กล่าวเพิ่มเติมว่า การผลิตพืชเศรษฐกิจ ที่ภาครัฐฯ กำลังดำเนินการนั้น คือ
การระวังไม่ให้ล้งจีน คุมกลไกตลาดมากกว่าที่เป็น อย่าลืมว่า ตัวอย่างที่เกิดขึ้น ทั้งลำไย , ทุเรียน , ข้าวโพด และหลาย ๆ ผลผลิตมีทั้งสวมสิทธิ์ โควตา ปั่นราคา จนชาวสวน ชาวไร่ เดือดร้อน ยิ่งทำ ยิ่งจุก ซึ่งบุกก็เช่นกัน การที่ป่าไม้คุมเข้ม หัวพันธุ์ ไม่ให้จีนไปปลูกแล้วส่งผลผลิต มาทุบราคาบุกในบ้านเราก็เป็นเรื่องควรทำ

ร่วมแสดงความคิดเห็น