รัฐมนตรีกีฬาให้โอวาท นักกีฬาฟุตบอลนักเรียน ไปชิงแชมป์เอเซียที่ อินโด

มอบโอวาทคณะนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ก่อนเดินทางเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลนักเรียนอายุไม่เกิน 18 ปี ชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย ครั้งที่ 47 ระหว่างวันที่ 15-25 พฤศจิกายน 2562 ณ เมืองบาลิกปาปัน สาธารณรัฐอินโดนีเซีย13 พ.ย. 256227
กรมพลศึกษาส่งแข้งนักเรียนไทยป้องกันแชมป์ฟุตบอลเอเชีย

ณ ณ ห้องโถง ชั้น 1 สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธีมอบโอวาทก่อนการเดินทางเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลนักเรียนชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย ครั้งที่ 47 ณ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยมีนายสันติ ป่าหวาย อธิบดีกรมพลศึกษา ร่วมด้วย

กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะจัดส่งคณะเจ้าหน้าที่และนักกีฬาตัวแทนนักเรียนไทย เข้าร่วมการแข่งขันการแข่งขันฟุตบอลนักเรียนชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย ครั้งที่ 47 ระหว่างวันที่ 15-25 พฤศจิกายน 2562 ณ เมืองบาลิกปาปัน สาธารณรัฐอินโดนีเซีย

รายการนี้มีทีมเข้าร่วมการแข่งขัน 8 ประเทศ ประกอบด้วย มาเลเซีย อินเดีย สิงคโปร์ เกาหลีใต้ จีน ศรีลังกา อินโดนีเซีย(เจ้าภาพ) และไทย ซึ่งทีมนักเรียนไทย เป็นแชมป์เก่าจากการแข่งขันครั้งที่ผ่านมา โดยในปีนี้ ทีมนักเรียนไทยอยู่ในสายเอ ร่วมกับ มาเลเซีย อินเดีย และ สิงคโปร์ ส่วนสายบี ประกอบด้วย อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ จีน และศรีลังกา ซึ่งไทยจะลงสนามพบกับสิงคโปร์ นัดแรกในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2562 เวลา 16.00 น. ที่สนามบาตากัน สเตเดียม

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า “เราเป็นนักกีฬาที่ได้รับการคัดเลือกเป็นตัวแทน 20 คนสุดท้ายจากผู้เข้าร่วมคัดเลือกตัวกว่า 600 คน ขอให้นักกีฬานักเรียนไทยทุกคน สู้อย่างสมศักดิ์ศรี เต็มภาคภูมิ นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศไทย ผมเชื่อว่าการฝึกซ้อมอย่างหนักและการอยู่ในระเบียบวินัยที่เคร่งครัดตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา จะนำความสำเร็จมาให้เรา ผมอยากฝากให้นักกีฬาทุกคนว่า การที่เราไปแข่งขันในต่างบ้านต่างเมือง เราต้องเตรียมความพร้อมด้านจิตใจและอารมณ์ของตนเองให้เข้มแข็ง อดทน อดกลั้นต่อแรงกดดันรอบด้านให้ความเคารพในผู้ตัดสิน และหากเราทำเต็มที่แล้ว ไม่ว่าผลจะออกมาตามเป้าหมายหรือไม่นั้น เราจะต้องมีน้ำใจนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ และรู้อภัย สร้างเพื่อน สร้างมิตรภาพตลอดระยะเวลาการแข่งขัน และหากมีโอกาส ขอให้เผยแพร่วัฒนธรรมอันดีงามของไทยให้กับเพื่อนชาวต่างชาติได้รู้จัก”

ร่วมแสดงความคิดเห็น