ผู้ว่าฯลำพูน แจกผ้าห่มมอบไออุ่น แก่ประชาชนในพื้นที่ ที่ประสบอากาศหนาวเย็นอย่างต่อเนื่อง

ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ลงพื้นที่พบปะเยี่ยมเยือนประชาชน พร้อมมอบผ้าห่มกันหนาวที่ได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชนตามโครงการ “ไทยเบฟ…รวมใจต้านภัยหนาว” จำนวน 1,300 ผืน ให้แก่ประชาชนผู้ประสบภัยหนาว

วันนี้ (10 ธันวาคม 2562) ที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน นายพงศ์รัตน์ ภิรมรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ลงพื้นที่พบปะเยี่ยมเยือนประชาชน พร้อมมอบผ้าห่มกันหนาวที่ได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชนตามโครงการ “ไทยเบฟ…รวมใจต้านภัยหนาว” จำนวน 1,300 ผืน ให้แก่ประชาชนผู้ประสบภัยหนาวในเขตพื้นที่อำเภอเมืองลำพูน 159 หมู่บ้าน 15 ตำบล โดยมีชาตรี กิตติธนดิษฐ์ นายอำเภอเมืองลำพูน นายชาคร ณ ลำปาง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดลำพูน นายสมชาย แจ่มทวีกูล นายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้าน จังหวัดลำพูน ตลอดจนผู้เกี่ยวข้อง และประชาชนผู้ประสบภัยหนาวนับหลายร้อยคนเดินทางมารับมอบผ้าห่มกันหนาวในครั้งนี้
สืบเนื่องจากในช่วง 3 วันที่ผ่านมา

จังหวัดลำพูนสภาพอากาศหนาวเย็นอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่สามารถประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติภัยหนาวได้ ทั้งนี้ ตามเงื่อนไขการประกาศจะต้องมีอุณหภูมิต่ำกว่า 8 องศาเซลเซียส ติดต่อกันเป็นเวลา 3 วัน จึงจะสามารถประกาศได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้สั่งการให้ทุกอำเภอ ประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่เข้าทำการสำรวจความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนแล้ว หากพบว่าประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาใช้งบประมาณจัดหาเครื่องนุ่งห่มกันหนาวมอบให้กับพี่น้องประชาชนได้เลยทันทีขณะเดียวกันที่ผ่านมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ อัญเชิญสิ่งของพระราชทาน มอบให้แก่ราษฎรผู้ประสบภัยหนาว ในพื้นที่จังหวัดลำพูน จำนวน 2,000 ชุด แบ่งเป็น อำเภอบ้านธิ จำนวน 1,000 ชุด , อำเภอเวียงหนองล่อง จำนวน 500 ชุด และ อำเภอบ้านโฮ่ง จำนวน 500 ชุด ภาคเอกชนโดยบริษัทไทยเบฟฯ มอบให้กับประชาชนที่ประสบภัยหนาวในเขตพื้นที่อำเภอเมือง จำนวน 1,300 ชุด

นอกจากนี้ยังได้รับการประสานจากภาคเอกชนที่จะเข้ามามอบเครื่องนุ่งห่มกันหนาวอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะสามารถบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนได้ในระดับหนึ่ง โดยหากประชาชนที่พบเห็นผู้ได้รับความเดือดร้อนจากภัยหนาว ให้ประสานแจ้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ของท่านเป็นการเร่งด่วน เพื่อจะได้เร่งเข้าให้ความช่วยเหลือต่อไปทันที