ลูกค้าในย่าน ต.สันผีเสื้อ อ.เมืองเชียงใหม่ แวะเวียนกันไปที่ร้านก่องข้าว หมู่บ้านฟ้าฮ่าม เพื่อสั่งซื้อเมนูสุดฮิตของฤดูหนาว ทั้ง “ข้าวหนุกงา” และ “แกงกระด้าง” ไปรับประทานกันที่บ้าน ซึ่งทั้งสองอยางนี้เป็นอาหารพื้นเมืองดั้งเดิม ที่คนทางภาคเหนือนิยมทำรับประทานกันในครอบครัว เฉพาะช่วงฤดูหนาว และนับวันจะหารับประทานยากมากขึ้น
ในช่วงฤดูหนาวนี้ทั้งข้าวหนุกงา และแกงกระด้างขายดี มีทั้งลูกค้ามาซื้อที่ร้าน และโทรศัพท์มาสั่งซื้อครั้งละหลายสิบห่อ จนทำให้นายเสกสรร อินทชัย อายุ 55 ปี และนางสาวอรพรรณ แสนคำ อายุ 53 ปี สองสามีภรรยาเจ้าของร้าน ต้องตื่นแต่เช้ามาทำอาหารให้ทันออเดอร์นับร้อย ๆ ห่อที่ลูกค้าสั่ง ขณะที่นายเสกสรรยังบริการส่งอาหารให้กับลูกค้าถึงบ้าน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า
นายเสกสรร บอกว่า ปกติขายอาหารพื้นเมืองอยู่แล้ว และในช่วงฤดูหนาว ทางร้านจะเพิ่มเมนูแกงกระด้างเพื่อเอาใจลูกค้าที่ชื่นชอบอาหารพื้นบ้าน โดยทั้งสองเมนูนี้ต้องรับประทานในฤดูหนาวเท่านั้น ถึงจะได้บรรยากาศอย่างแท้จริง สำหรับ แกงกระด้าง สาเหตุที่ทำกันในช่วงฤดูหนาว เนื่องจากเป็นการนำซุปขาหมู ที่ปรุงรสด้วยเครื่องแกงเฉพาะจนมีกลิ่นหอม นำไปเทใส่ถาด
จากนั้นรอไม่ถึงชั่วโมง อากาศที่หนาวเย็น จะทำให้น้ำแกงแข็งตัวกลายเป็นแผ่นวุ้น โดยไม่ต้องใช้ผงวุ้น ก่อนที่ใช้มีดตัดแบ่งแกงกระด้างเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม โรยหน้าด้วยผักชี ให้กลิ่นหอมพร้อมรับประทาน การใช้ประโยชน์จากอากาศหนาวมาทำอาหาร นับเป็นภูมิปัญญาของชาวบ้านในภาคเหนือ เนื่องจากสมัยโบราณ แต่ละบ้านไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่มีตู้เย็น เมื่อทำแกงค้างคืนไว้ ในช่วงฤดูหนาว รุ่งเช้าอีกวัน แกงในหม้อก็จะแข็งตัวเป็นก้อน
ส่วน “ข้าวหนุกงา” เป็นการนำข้าวเหนียวนึ่งสุกใหม่ที่กำลังร้อน ๆ มาผสมคลุกเคล้ากับจะงาดำที่ตำละเอียด พร้อมโรยเกลือป่นเล็กน้อยขณะคลุกเคล้าให้เข้ากัน แค่นี้ก็ได้ข้าวหนุกงา ที่ทั้งหอมนุ่ม รับประทานเป็นอาหารกินเล่นหรือกินแบบจริง ๆ แทนมื้ออาหารก็อิ่มไม่แพ้กัน
นายเสกสรร เจ้าของร้านก่องข้าว บอกว่า สาเหตุที่ทำเมนูอาหารตามฤดูกาล นอกจากเพื่อเอาใจลูกค้าชาวเหนือ ยังเพราะต้องการร่วมอนุรักษ์อาหารพื้นเมืองแบบดั้งเดิม โดยทางร้านได้เปิดให้ลูกค้าสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชันไลน์และทางเฟซบุ๊ก พร้อมบริการส่งแบบเดลิเวอรี่ ใครอยากรับประทาน สั่งได้ทันทีที่อ้ายเสก ไฮโล อดีตนักดนตรีหนุ่มใหญ่ที่เป็นทั้งพ่อครัว และเจ้าของร้าน เฟซบุ๊ก “เสกสรร อินทชัย” ทั้งสองเมนูเพียงห่อละ 10 บาทเท่านั้น 
ร่วมแสดงความคิดเห็น