ชุดพยัคฆ์ไพร ลุยแก้ปัญหารุกป่าดอยม่อนแจ่ม ขีดเส้นชาวบ้านห้ามรุกป่า-สร้างบ้านพักเพิ่ม เตรียมดำเนินคดีเจ้าของรีสอร์ตเพิ่มอีก 2 ราย

ชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ พร้อมคณะทำงานจัดระเบียบการเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินม่อนแจ่ม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เข้าตรวจสอบรีสอร์ต 2 แห่ง ในแหล่งท่องเที่ยวดอยม่อนแจ่ม ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ คือ ม่อนม่วนรีสอร์ต และม่อนจ๊อ หลังตรวจสอบพบมีการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ริม หลังจากก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ประกอบการไปแล้ว 4 รายนอกจากนี้เจ้าหน้าที่เตรียมนำประกาศสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 ติดตามแหล่งท่องเที่ยวบนดอยม่อนแจ่ม และหน้ารีสอร์ตทั้ง 6 แห่ง ที่ถูกแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกแผ้วถาง และครอบครองพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ริม โดยข้อความในประกาศดังกล่าว สั่งให้ยุติการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างในลักษณะบ้านพักตากอากาศ รีสอร์ต ร้านกาแฟขนาดใหญ่ หรือสถานบริการนักท่องเที่ยวภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ริม ในตำบลแม่แรม และตำบลโป่งแยง หากผู้ใดฝ่าฝืน จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด มีผลตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2562 เป็นต้นไป สำหรับเจ้าของรีสอร์ต 4 รายที่ถูกดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้ สามารถแสดงหลักฐานการครอบครอง หรือโต้แย้งคำสั่งภายใน 15 วัน หากพ้นกำหนดหรือไม่มีหลักฐานเพียงพอ เจ้าหน้าที่จะเข้ารื้อถอนรีสอร์ตทันที
ขณะเดียวกันช่วงเช้าวันนี้ (28 ธ.ค. 2562) นายชีวภาพ ชีวะธรรม ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ หัวหน้าชุดพยัคฆ์ไพร ได้เรียกชาวบ้านที่เป็นผู้ประกอบการม่อนต่าง ๆ จำนวน 53 ราย ที่อยู่ในกลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรม่อนแจ่มมาชี้แจงทำความเข้าใจ และเจรจาตกลงเรื่องการจัดระเบียบไม่ให้มีการบุกรุกพื้นที่ป่า และก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างเพิ่มเติม โดยจะมีการคัดกรองผู้ที่ไม่ได้รับการผ่อนผันจากกรมป่าไม้ตามมติ ครม. เมื่อปี 2541 ออกมาก่อนนายชีวภาพ กล่าวว่า สำหรับพื้นที่บนดอยม่อนแจ่มอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่ริม แต่เมื่อปี 2541 ทางโครงการหลวงได้ขออนุญาตจากกรมป่าไม้ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ 18,000 ไร่ โดยจัดสรรให้ชาวบ้านทำกินตามมติ ครม. ทั้งหมด 2,800 ไร่ และได้จัดสรรให้เป็นที่ทำกิน 900 แปลง มีชาวบ้านเข้าใช้ประโยชน์เพื่อทำกิน 500 ราย แต่ปัจจุบันชาวบ้านได้กันพื้นที่บางส่วนสร้างบ้านพัก และรีสอร์ต จนขยายตัวอย่างรวดเร็ว ดังนั้นทางเจ้าหน้าที่จะมีการพูดคุย ติดประกาศและห้ามก่อสร้างใหม่ ซึ่งถ้าหากพบจะมีการดำเนินคดีและยึดพื้นที่คืน นอกจากนี้ก็จะมีการคัดกรองพิสูจน์สิทธิ์ ว่าเป็นเจ้าของจริงหรือไม่หรือว่า มีการซื้อขายเปลี่ยนมือหรือไม่ เบื้องต้นมีผู้ประกอบการที่เข้าร่วมกลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรม่อนแจ่มจำนวน 50 ราย ที่มีการใช้พื้นที่ 200ไร่ ในการทำรีสอร์ต ซึ่งการพูดคุยเบื้องต้นผู้ประกอบการยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขเจ้าหน้าที่ หากส่วนไหนที่มีการต่อเติมหลุดออกจากแปลงก็จะทำการรื้อถอน ส่วนอีก 30 รายที่มาก่อสร้างทีหลังนั้นต้องรื้อถอนทั้งหมด โดยจะมีประกาศตามกฏกระทรวงติดไว้ก่อนจะทำการรื้อถอน นอกจากนี้จะมีการลงพื้นที่ติดป้ายประกาศตามจุดต่าง ๆ และหน้ารีสอร์ตที่ถูกดำเนินคดี 4 แห่งก่อนหน้านี้ และจะมีการตรวจจับอีกรีสอร์ต ขนาดใหญ่อีก 2 แห่ง เนื่องจากมีการบุกรุกพื้นที่ป่า จึงจะเข้าดำเนินคคดีและติดป้าย ส่วนบ่อขยะที่มีการติดป้ายไปก่อนหน้านั้น เนื่องจากพื้นที่ป่าบนดอยม่อนแจ่มนั้นเป็นป่าต้นน้ำชั้น 1 และ 2 การสร้างบ่อขยะอาจทำให้เกิดผลกระทบตามมาจึงต้องปิดบ่อ หลังจากนี้จะมีการพูดคุยและจัดหาสถานที่ใหม่แทนด้านนายวิชิต เมธาอนันต์กุล ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรม่อนแจ่ม กล่าวว่า การที่เจ้าหน้าที่ลงมาพูดคุยวันนี้ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี ชาวบ้านจะได้รู้แนวทางว่าจะดำเนินการกับรีสอร์ตของตัวเองอย่างไรและจะไม่มีการบุกรุกเพิ่ม ส่วนรายไหนที่มีการบุกรุกก่อสร้างนอกเหนือจากแปลงเดิมผู้ประกอบการก็ยินดีรื้อถอน พร้อมกันนี้ก็จะช่วยเจ้าหน้าที่สอดส่อง ถ้าหากมีรถขนวัสดุก่อสร้างขึ้นมาก็จะมีการแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการบุกรุกเพิ่มอีก

ร่วมแสดงความคิดเห็น