ลดเผาข้างทาง เชียงใหม่เกิดเหตุรายวัน เจ้าหน้าที่เหนื่อย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากมาตรการขอความร่วมมือเกษตรกรและประชาชน ระมัดระวังการจัดการขยะ ใบไม้แห้ง วัชพืชในพื้นที่ไร่นา ที่อยู่โดยไม่ใช้วิธีเผานั้น ล่าสุดได้เกิดเหตุเพลิงไหม้กองซังข้าวโพดขนาดใหญ่ ในพื้นที่ อ.พร้าว เชียงใหม่ช่วง 11 โมงวานนี้ จนต้องระดมรถบรรทุกน้ำ เข้าระงับเหตุร่วมกันหลาย ๆ หน่วยงาน ทั้งหมวดการทางพร้าว, ทต.แม่ปั๋ง, ทต.น้ำแพร่, ทต.เวียงพร้าว, ทต.ป่าตุ้ม, ทต.สันทราย, ทต.ป่าไหน่,กรมอุทยานฯ และฝ่ายปกครองอำเภอพร้าว, สภ.พร้าว, หน่วยกู้ภัยวังหิน และภาคเอกชนในพื้นที่ใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมง จึงควบคุมเพลิงให้สงบ ทั้งนี้แขวงการทางเชียงใหม่ที่ 3 ระบุว่า มาตรการควบคุมดูแลพื้นที่ 2 ข้างทางในเขตรับผิดชอบของแต่ละหมวดการทางนั้น มีนโยบายจากผู้บังคับบัญชา ให้ดูแลใกล้ชิดจัดเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้พร้อม ซึ่งยอมรับว่า บางจุดที่เกิดการไหม้ เกินศักยภาพก็ต้องแจ้งผู้นำชุมชน รายงานตามขั้นตอนตามที่ซักซ้อมทำเข้าใจกันไว้ ในแผนเผชิญเหตุ

ด้านผู้นำชุมชน ในพื้นที่ อ.พร้าว เชียงใหม่ กล่าวว่า กรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ตอซังข้าวโพด และพื้นที่เกษตรกรนั้น มีทั้งจงใจ และประมาทเลินเล่อ กรณีล่าสุด อยู่ในการตรวจสอบสาเหตุของหน่วยงานอำนวยการพื้นที่ ในการขอความร่วมมือราษฎรแต่ละชุมชน จะมีการแจ้ง ประกาศจังหวัด ที่กำหนดให้ช่วง 10 มกราคม -30 เมษายน 2563 มีพื้นที่ควบคุมการเผาในที่โล่งทุกชนิด และตามพ.ร.บ. การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 มาตรา 74 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 25,000 บาทหรือทั้งจำและปรับ

สำหรับประกาศของจังหวัด ข้อ 4 ยังเน้นว่า การจุดไฟเผาในพื้นที่ชุมชนและพื้นที่การเกษตร มีความผิด ต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบ มีความผิดตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 แล้ว ยังอาจมีความผิดตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 55 (2) กรณีเผาป่า ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4 ปีถึง 20 ปี หรือปรับตั้งแต่ 4 แสนบาทถึง 2 ล้านบาท หรือทั้งจำและปรับได้ มาตรการทางกฎหมาย นอกจาก 2 พ.ร.บ.ที่กล่าวมาแล้ว เจ้าหน้าที่อุทยานฯในพื้นที่พร้าว กล่าวว่า อาจมีความผิดตามพ.ร.บ.อุทยานฯ พ.ศ.2562 มาตรา 19 (1) กรณีเผาป่าในเขตอุทยาน ต้องระวางโทษหนักพอ ๆ กับ พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ยอมรับว่า ประกาศจังหวัด ข้อ 12 นั้น ในฐานะผู้นำชมชน คณะกรรมการหมู่บ้าน มีหน้าที่ต้องชี้แจง สอดส่อง ดูแลในชุมชน หมู่บ้าน ให้ชาวบ้านร่วมมือ ถือปฏิบัติตามประกาศอย่างเคร่งครัด

“ชาวบ้านที่ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ก็มีส่วนหนึ่ง แต่บางส่วนชอบอ้างความจำเป็น ประมาทเลินเล่อไม่เจตนาให้เกิดการเผาไหม้ที่ไร่ ที่สวน น่าเห็นใจเจ้าหน้าที่เกิดเรื่องแต่ละครั้งเหนื่อย กว่าจะควบคุมสกัดเพลิง ในช่วงที่น้ำมีน้อย ตามแหล่งน้ำชุมชนต้องประหยัดด้วย” ด้านหน่วยงานท้องถิ่น (อปท.) ในพื้นที่ อ.พร้าว เชียงใหม่ ระบุว่า มีการประชาสัมพันธ์ ขอความร่วมมือชาวบ้านลดการเผา กำจัดขยะมูลฝอย หญ้า ซึ่งเป็นวิธีที่เคยชิน นิยมใช้ได้ผลรวดเร็ว เสียค่าใช้จ่ายน้อย การกำจัดเศษซากพืชหรือขยะด้วยวิธีนี้ จะทำให้เป็นหนึ่งในสาเหตุของปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก ยังก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญกับผู้อื่นในบริเวณใกล้เคียง เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

หากมีความรุนแรงจะเป็นอันตรายแก่บุคคล หรือทรัพย์สินของบุคคลอื่น เจ้าของที่ดินผู้เผาจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 220 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 14,000 บาทได้ ตามมาตรา 218 หรือมาตรา 224 แล้วแต่กรณี เพจ : กองปราบ ประชาสัมพันธ์ว่า ถ้าจุดไฟในลักษณะที่ใกล้เคียงกับบ้าน หรือทรัพย์สินของคนอื่นในช่วงที่ลมแรง อาจเข้าข่ายมีความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น โดยเจตนาเล็งเห็นผลตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 217-218 แล้วแต่กรณี ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกขั้นสูงถึงประหารชีวิต

ร่วมแสดงความคิดเห็น