ปรับแผนสู้ กู้วิกฤตท่องเที่ยว ติดลบในรอบ 6 ปี กับ “ไทยเที่ยวไทย”

วิกฤตท่องเที่ยว ปีหนู ติดลบในรอบ 6 ปี ตัวแปรสำคัญครั้งนี้ คือ “ไวรัสโคโรนา” ที่ฉุดให้การท่องเที่ยวของไทย ในปี 2563 นับจากการก่อรัฐประหารในไทยเมื่อปี 2557 วิกฤตครั้งนี้สาหัสกว่า ปี 2546 หลายเท่า ซึ่งตอนนั้นเราต้องต่อสู้กับการเกิดการระบาดโรคซาร์ส

การระบาดของ ‘ไวรัสโคโรนา’ ทำให้นักท่องเที่ยวชาติต่าง ๆ ชะลอการเดินทางท่องเที่ยว และคำสั่งเด็ดขาดของจีนที่สั่งระงับไม่ให้ประชาชนของตนเองออกนอกประเทศ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ทำให้ประเทศไทย ที่เป็นเป้าหมายหลักของการท่องเที่ยว ต้องสูญเสียตลาดท่องเที่ยวแบบ 100% เรื่องดังกล่าวส่งผลกระทบ ต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวแบบโดมิโน ล้มกระดาน

จากการสำรวจย่าน ที่ชาวจีนนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวมากที่สุด อย่างถนนนิมมานเหมินทร์ โดยเฉพาะแลนด์มาร์กบนถนนสายนี้ โครงการ “วัน นิมมาน” (ONE NIMMAN) คอมมิวนิตี้มอลล์ ที่เคยคลาคล่ำด้วยนักท่องเที่ยว พบว่านักท่องเที่ยวจีนบางตาลงอย่างมากและบรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงา

พนักงานขายประจำร้านของที่ระลึก และ สินค้าอื่น ๆ กล่าวว่า นับตั้งแต่มีข่าวไวรัสโคโรนาแพร่ระบาด นักท่องเที่ยวหายไปกว่า 80% ส่งผลให้ยอดขายของร้านลดลงอย่างมาก บางวันขายไม่ได้ ขายได้เพียงชิ้นเดียว หรือ ต้องทำการตลาดอย่างหนัก เช่น โปรโมชั่นลดราคาสินค้า 20% ทุกรายการ

ผลกระทบดังกล่าวทำให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ปรับลดเป้าหมายการท่องเที่ยวในปี 2563 เหลือเพียง 36 ล้านคน ติดลบ 9.5% สร้างรายได้ 1.78 ล้านล้านบาท ลดลงจากปี 2562 ที่มีต่างชาติเที่ยวไทย 39.77 ล้านคน สร้างรายได้ 1.96 ล้านล้านบาท

นายยุทธศักดิ์  สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  ประเมินว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติจะหายไปราว 4.8 ล้านคน จากที่ก่อนหน้านี้ยังไม่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ได้ประเมินและตั้งเป้าไว้ว่าจะมีนักท่องเที่ยวประมาณ 40.78 ล้านคน จากเดิมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ตั้งเป้าไว้ในช่วงกลางปี 2562 ประมาณ 42.25 ล้านคน ส่วนการเดินทางเที่ยวในประเทศยังคงตั้งเป้าตามแนวโน้มเดิมคืออยู่ที่ 172 ล้าน

จากการลดลงของนักท่องเที่ยวต่างชาติทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวของไทยในปีนี้ ติดลบ 3.4% หรือประมาณ 2.91 ล้านล้านบาท ลดลงจากปี 2562 ซึ่งอยู่ที่ 3.06 ล้านล้านบาท รายได้หายไป 2.7 แสนล้านบาท เรื่องดังกล่าวทำให้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และภาคเอกชน ได้ร่วมมือกัน วางแผนขับเคลื่อน “ไทยเที่ยวไทย”

สำหรับการลดผลกระทบที่เกิดขึ้น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้วางแผนสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งภายในและภายนอกประเทศ และเร่งหาตลาดนักท่องเที่ยวอื่นมาทดแทนนักท่องเที่ยวจีน

ในการดำเนินการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้เสนอให้รัฐบาลพิจารณางบประมาณเพื่อกระตุ้นทางการตลาด 500 ล้านบาท เพื่อเพิ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ ราว ๆ  1 ล้านคน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงบประมาณ

โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มีการวางแผนไว้ว่า มีการจัดเมกะแฟมทริป ดึงเอเยนต์ ทัวร์และสื่อมวลชนจากทั่วโลกรวม 600 รายมาทัศนศึกษาเส้นทางท่องเที่ยวในไทย ใน วันที่ 18 มีนาคม 2563 ซึ่ง ครบรอบ 60 ปีของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)

ในส่วนการเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว โดยการกระตุ้นตลาดไทยเที่ยวไทยจะได้มีการส่งเสริมการขายในลักษณะ Flash Sale “บอกรัก เมืองไทย” โดยจะมีการจัดงานตลอดทั้งปี จากการประชุมร่วม ระหว่าง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)และภาคเอกชน

ธุรกิจโรงแรมได้มีการตอบรับและนำเสนอ ห้องพักราคาพิเศษโดยเฉพาะผู้ประกอบการ ที่ได้รับผลกระทบอย่างมาก ในหัวเมืองท่องเที่ยวหลัก เช่น กระบี่ พังงา ภูเก็ต เชียงใหม่ เป็นต้น โดยเน้น นักท่องเที่ยวคนไทย เดินทางท่องเที่ยวระยะใกล้ หรือจังหวัดใกล้เคียง โดยแผนการกระตุ้นไทยเที่ยวไทย คาดว่าจะเริ่มดำเนินการในช่วงเดือนมีนาคม หรือ หลังสงกรานต์ ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงของการวางแผนการดำเนินการ

ในส่วนของสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) ได้มีการขอรับการสนับสนุนจากรัฐประมาณ 50 ล้านบาทภายใต้ชื่อโครงการ “เสน่ห์เมืองไทยไม่ไปไม่รู้” ซึ่งอยู่ในระหว่าง ที่ผู้ประกอบการทำการจัดแพ็กเกจท่องเที่ยวเพื่อนำมาขายราคาพิเศษ

โดยจะมีการหารือกับสายการบินต่าง ๆ ได้รับการลดภาษีนํ้ามันอากาศยานแล้ว ให้มาสนับสนุนตั๋วเครื่องบินราคาพิเศษ ร่วมกับรถเช่าในราคาพิเศษ และส่วนลดโรงแรมอีก 50%

ทั้งนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มีกลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้สูงอายุ รัฐวิสาหกิจ และ กลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วไป โดยประมาณการณ์ไว้ว่า มีกลุ่มนักท่องเที่ยวให้การตอบรับเพิ่มขึ้นจากเดิม ถึง 2-5 หมื่นคน

“ในขณะที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะได้มีการนำมาตรการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทาง หรือ ฟรีวีซ่า สำหรับนักท่องเที่ยวจีนและอินเดีย ซึ่งเป็น 2 ตลาดใหญ่ เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง พร้อมทั้งได้มีการประสานกับกระทรวงคมนาคมให้มีการเปิดเช่าเครื่องบิน แบบเหมาลำให้มากที่สุดเพื่อกระตุ้นกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนให้กลับมาท่องเที่ยวอีกครั้ง ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2563 นี้” นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

โดย… บ่าวหัวเสือ

ร่วมแสดงความคิดเห็น