“ลังกาวี” ดินแดนแห่งคำสาป

เกาะลังกาวี ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งคำสาป สถานที่ฝังพระศพของพระนางมัสสุรีย์ หรือพระนางเลือดขาวแห่งเกาะลังกาวี ผู้ที่ได้สาปแช่งเกาะลังกาวีไว้ 7 ชั่วโคตร ตำนานของพระนางมัสสุรีย์ เล่าสืบต่อกันมาว่า พระนางเป็นคนไทยได้ล่องเรือมากับครอบครัวจากเกาะภูเก็ตมาตั้งรกรากบนเกาะลังกาวี พระนางเป็นคนที่มีรูปงาม จึงเป็นที่เล่าขานของชาวบ้าน กระทั่งไปถึงหูสุลต่านเจ้าเมืองลังกาวี สุลต่านได้มาเห็นและเกิดหลงรัก

พระนางมัสสุรีย์ จึงขอแต่งงาน แต่ฝ่ายแม่ของสุลต่านไม่เห็นด้วย จึงรังเกียจและดูถูกดูแคลนพระนาง มีการกลั่นแกล้งพระนางต่าง ๆ นานา ระหว่างนั้นสุลต่านต้องออกไปรบตามหัวเมืองต่าง ๆ จึงสั่งให้ทหารคนสนิทช่วยดูแลพระนางมัสสุรีย์ด้วย เพราะสุลต่านเองก็รู้ว่าพระนางโดนแม่ของตนเองกลั่นแกล้งต่าง ๆ นานา เมื่อสุลต่านไม่อยู่ พระนางก็โดนแม่สามีใช้ให้ทำงานหนัก ทหารฯก็เข้ามาช่วย บังเอิญแม่สามีมาเห็นเข้าจึงเกิดอุบายที่จะทำร้ายพระนางมัสสุรีย์ได้

จึงได้กล่าวหาพระนางมัสสุรีย์ว่าคบชู้ และได้สั่งประหารชีวิตทหารผู้นั้น โดยมิได้มีการไตร่สวน และได้ประกาศว่าจะประหารชีวิตพระนางมัสสุรีย์อีก 3 วันข้างหน้า พระนางมัสสุรีย์เสียใจมาก และสงสารลูกน้อยที่อายุได้ 3 เดือน พระนางมัสสุรีย์วิงวอนขอชีวิตจากแม่ของสุลต่านก็ไม่ได้ผล และแล้ววันที่จะประหารชีวิตพระนางมัสสุรีย์ก็มาถึง แม่ของสุลต่านได้สั่งกำชับให้ทุกคนบนเกาะนี้ห้ามพูดอะไรทั้งสิ้น เวลาอยู่ที่ลานประหาร ณ ลานประหาร

พระนางมัสสุรีย์ได้ถามประชาชนว่าเราผิดดังที่ถูกกล่าวหาเช่นนั้นหรือ แต่ไม่มีใครพูดกับพระนางเลย และได้แต่นั่งก้มหน้า พระนางน้อยใจกับโชคชะตาของตนเองที่อยู่ตัวคนเดียว ไม่มีญาติพี่น้องที่จะคอยปกป้อง จึงได้พูดออกมาว่า เอาเถอะ ถ้าหากเราเป็นอย่างที่ถูกใส่ร้ายจริง ก็ขอให้เราตายไปอย่างไม่มีความสุข แต่ถ้าหากเราบริสุทธิ์จริงขอให้เลือดที่หลั่งออกมาเป็นสีขาว

หลังจากนั้นเพชฌฆาตก็นำกริช ซึ่งเป็นของพ่อของพระนางมัสสุรีย์ มาแทงที่ไหปลาร้าด้านซ้ายของพระนางมัสสุรีย์ พอเพชฌฆาตดึงกริชออกเลือดสีขาวก็พุ่งกระจายออก จากร่างพระนางมัสสุรีย์ ประชาชนถึงกับตกใจและเสียใจที่ผู้บริสุทธิ์ต้องมาจากไป ก่อนจะสิ้นใจพระนางมัสสุรีย์ได้สาปแช่งให้เกาะลังกาวีไม่มีความเจริญใด ๆ ทั้งสิ้น ให้มีแต่ความแห้งแล้งเป็นเวลานานถึง 7 ชั่วโคตร

ปัจจุบันได้ผ่านพ้นเวลานั้นมาแล้ว และมีการสืบค้นพบว่า มีผู้สืบเชื้อสายของพระนางมัสสุรีย์เจอแล้ว เธอชื่อ “สิรินทรา” ขณะนี้เธอมีอายุประมาณ 18 ปี อยู่ที่อำเภอถลาง และรัฐบาลประเทศมาเลเซียได้ให้เงินเดือน ๆ ละ 1 แสนบาท และสร้างบ้านให้อยู่ ยกย่องให้เธอเป็นราชินีแห่งเกาะลังกาวี เมื่อตอนที่เธอยังเล็กรัฐบาลมาเลเซียได้ เชิญเธอมาแก้คำสาปของพระนางมัสสุรีย์ที่สาปแช่งไว้ และขอให้เธอมาอยู่ที่เกาะลังกาวี แต่ว่าเด็กหญิงสิรินทรา อยู่ได้เพียง 7 วัน ก็ขอกลับไปอยู่ประเทศไทย

หลังจากที่แก้คำสาปแล้ว เกาะลังกาวีก็เริ่มพัฒนาขึ้น มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น อดีตนายกรัฐมนตรีฯ เคยพูดไว้ว่า จะสร้างเกาะลังกาวีแข่งกับเกาะภูเก็ตของประเทศไทย แต่ตอนนี้ไม่ขอสู้กับเกาะภูเก็ตแล้ว แต่เปลี่ยนไปสู้กับสิงคโปร์แทน

เมื่อเดินทางมาถึงลังกาวี เราจะเห็นรูปปั้นนกอินทรีย์เด่นเป็นสง่า นกอินทรีย์เป็นสัญลักษณ์ของเกาะลังกาวี นกจะหันหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือิ ซึ่งหันหน้าไปทางเมืองเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบียนั่นเอง หลังจากนั้น เมื่อเดินทางมาเยือนเกาะลังกาวี นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะนิยมไปนั่งเคเบิ้ลคาร์กระเช้าลอยฟ้า เคเบิ้ลคาร์จัดได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากทีเดียว เป็นสถานที่ที่น่าตื่นตาตื่นใจมากที่สุดบนเกาะลังกาวี ทิวทัศน์จากบนยอดเขาสามารถมองรอบ ๆ เห็นทะเลอันดามันอันกว้างใหญ่ เห็นหมู่เกาะน้อย ใหญ่ทั้งของไทยและมาเลเซีย แต่วันนี้อากาศไม่ค่อยเป็นใจ เจอแต่สภาพหมอกควันหนาปกคลุมไปทั่ว

ว่ากันว่า ในวันที่ทัศนวิสัยดีสามารถมองเห็นไปไกลถึงเกาะตะรุเตาของประเทศไทย เคเบิ้ลคาร์ของที่นี่สร้างขึ้นมาด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ถือได้ว่าใหญ่ที่สุดและสูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลยก็ว่าได้ กระเช้าลอยฟ้านี้ได้รับการก่อสร้างด้วยความมาตรฐานระดับสากล มีเพียง แค่ 2 เสาเท่านั้นเอง ไม่เหมือนที่สิงคโปร์ ที่มีเสาตั้ง 20 กว่าเสา ถือเป็นความภูมิใจของรัฐบาลมาเลเซีย

นอกจากนั้น ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจบนเกาะลังกาวีอีกมากมาย อาทิ พิพิธภัณฑ์อดีตนายกรัฐมนตรี ดาโต๊ะ ศรี ดร.มาฮาเธียร์ โมฮัมมัด ซึ่งตั้งอยู่ที่คิลิม ห่างจากเมืองกัวะห์ประมาณ 10 กิโลเมตร เป็นที่รวบรวมของขวัญของกำนัล รางวัลต่าง ๆ จำนวน 2,500 กว่าชนิด ที่ได้รับจากทั่วโลก

รวมทั้งจากพระราชวงศ์ของไทยด้วย ของที่มีค่า และมีรถแข่งฟอร์มูร่า ONE ที่ ชูมาร์คเกอร์มอบให้ด้วย ของทุกชิ้นที่อดีตนายกรัฐมนตรีฯ ได้รับท่านจะนำมาเก็บรวมไว้ที่นี่หมด ซึ่งท่านถือว่าเป็นสมบัติของคนมาเลเซีย เช่นกัน รวมถึงเรืออนันตนาคราชจำลอง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระราชทานให้แก่รัฐบาลมาเลเซีย

เมื่อมาเยือนเกาะลังวี นักท่องเที่ยวชาวไทยจะพลาดไม่ได้กับการไปชอปปิ้ง ที่ตลาดกัวะห์มีร้านค้าต่าง ๆ มากกว่า 100 ร้าน เป็นร้านค้าที่ปลอดภาษีนานาชนิด ห้าง Zon Duty Free เป็นแหล่งจำหน่ายสินค้าปลอดภาษี อาทิ เหล้า เบียร์ บุหรี่ น้ำหอม เครื่องสำอาง ช๊อกโกแลต กระเป๋าเดินทาง และสินค้าอื่น ๆ อีกมากมาย

บทความโดย
จักรพงษ์ คำบุญเรือง

ร่วมแสดงความคิดเห็น