ผอ.สบอ.16 ระบุป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ยวมฝั่งซ้ายเป็นพื้นที่ป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ เป็นพื้นที่มีความโดดเด่นทางธรรมชาติ เหมาะสมที่จะจัดตั้งเป็นอุทยาน ซึ่งได้กันพื้นที่ทำกินออก 7 หมื่นกว่าไร่ หลังจากที่ ทต.เมืองยวมใต้ประชาคมคัดค้านไม่เอา อช.แม่สะเรียง 
ณ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 สาขาแม่สะเรียง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน นายชิดชนก สุขมงคล ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 สาขาแม่สะเรียง เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายให้ทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสำรวจพื้นที่ที่มีสภาพป่าอุดมสมบูรณ์และมีทรัพยากรธรรมชาติ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 สาขาแม่สะเรียง ได้ตรวจสอบพื้นที่ป่าสมบูรณ์ตามนโยบายแล้วพบว่า ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ยวมฝั่งซ้ายเป็นพื้นที่ป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ พื้นที่มีความโดดเด่นทางธรรมชาติ เหมาะสมที่จะจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ จึงเสนอเรื่องเพื่อขอให้เจ้าของพื้นที่รับผิดชอบ คือกรมป่าไม้อนุญาตให้เข้าดำเนินการสำรวจพื้นที่ที่เป็นพื้นที่ป่าสมบูรณ์ที่เดิมกรมป่าไม้ดูแลอยู่ ซึ่งกรมป่าไม้ได้ส่งมอบพื้นที่ จำนวน 197,435 ไร่ ต้องการรักษาผืนป่าเอาไว้
ณ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 สาขาแม่สะเรียง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน นายชิดชนก สุขมงคล ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 สาขาแม่สะเรียง เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายให้ทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสำรวจพื้นที่ที่มีสภาพป่าอุดมสมบูรณ์และมีทรัพยากรธรรมชาติ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 สาขาแม่สะเรียง ได้ตรวจสอบพื้นที่ป่าสมบูรณ์ตามนโยบายแล้วพบว่า ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ยวมฝั่งซ้ายเป็นพื้นที่ป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ พื้นที่มีความโดดเด่นทางธรรมชาติ เหมาะสมที่จะจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ จึงเสนอเรื่องเพื่อขอให้เจ้าของพื้นที่รับผิดชอบ คือกรมป่าไม้อนุญาตให้เข้าดำเนินการสำรวจพื้นที่ที่เป็นพื้นที่ป่าสมบูรณ์ที่เดิมกรมป่าไม้ดูแลอยู่ ซึ่งกรมป่าไม้ได้ส่งมอบพื้นที่ จำนวน 197,435 ไร่ ต้องการรักษาผืนป่าเอาไว้
โดยกรมอุทยานฯ แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินการสำรวจและเป็นหัวหน้าพื้นที่ ดำเนินการสำรวจเป็นอุทยานฯ ทำการเดินสำรวจภาคพื้นดินรวมกับชาวบ้าน โดยตัดพื้นที่ที่เป็นที่ตั้งชุมชน พื้นที่ทำกิน ถนน พื้นที่ภาระผูกพันภายใต้การดูแลกรมป่าไม้ และพื้นที่สวนป่าขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ประมาณ 70,000 กว่าไร่ จึงเหลือพื้นที่ที่เป็นป่าสมบูรณ์ที่จะประกาศจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติแม่สะเรียงจำนวนทั้งสิ้น120,453 ไร่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เริ่มดำเนินการสำรวจร่วมกับชุมชน ประชุมเพื่อรับฟังความเห็นของชุมชนผู้มีส่วนได้เสียแล้ว ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 เป็นต้นมา และได้นำเรื่องการกำหนดแนวเขตเพื่อจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติแม่สะเรียง เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ และได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการทำลายทรัพยากรป่าไม้ประจำจังหวัด และผลล่าสุดคือ ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการที่ปรึกษาอุทยานแห่งชาติ
โดยกรมอุทยานฯ แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินการสำรวจและเป็นหัวหน้าพื้นที่ ดำเนินการสำรวจเป็นอุทยานฯ ทำการเดินสำรวจภาคพื้นดินรวมกับชาวบ้าน โดยตัดพื้นที่ที่เป็นที่ตั้งชุมชน พื้นที่ทำกิน ถนน พื้นที่ภาระผูกพันภายใต้การดูแลกรมป่าไม้ และพื้นที่สวนป่าขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ประมาณ 70,000 กว่าไร่ จึงเหลือพื้นที่ที่เป็นป่าสมบูรณ์ที่จะประกาศจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติแม่สะเรียงจำนวนทั้งสิ้น120,453 ไร่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เริ่มดำเนินการสำรวจร่วมกับชุมชน ประชุมเพื่อรับฟังความเห็นของชุมชนผู้มีส่วนได้เสียแล้ว ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 เป็นต้นมา และได้นำเรื่องการกำหนดแนวเขตเพื่อจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติแม่สะเรียง เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ และได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการทำลายทรัพยากรป่าไม้ประจำจังหวัด และผลล่าสุดคือ ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการที่ปรึกษาอุทยานแห่งชาติ
สำหรับปัจจุบันพื้นที่ป่าไม้ทั่วประเทศมีอยู่ทั้งสิ้น 102.24 ล้านไร่ กรมอุทยานฯ ดูแลรับผิดชอบประมาณ 73.2 ล้านไร่ ตามนโยบายและเป้าหมายที่วางไว้ กรมอุทยานฯมีภารกิจต้องเพิ่มพื้นที่ป่าอนุรักษ์ให้ได้ร้อยละ 25 ของพื้นที่ประเทศ ภายในปี 2569 หรืออีก 9 ปีข้างหน้า ซึ่งปัจจุบันมีพื้นที่ป่าอนุรักษ์อยู่ในความรับผิดชอบของกรมอุทยานฯเพียง 22% ของพื้นที่ประเทศ “พูดง่ายๆเราต้องเพิ่มพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จากเดิมที่มีอยู่ 73.2 ล้านไร่ หรือประมาณ 22 เปอร์เซ็นต์ ของพื้นที่ประเทศ ให้เป็น 25 เปอร์เซ็นต์ ของพื้นที่ประเทศ ซึ่งเราได้รับมอบพื้นที่ป่ามาจากกรมป่าไม้แล้วบางส่วน จึงเหลืออีกประมาณ 2 ล้านไร่เศษ ที่ต้องดำเนินการ เพื่อขยายเป็นพื้นที่ป่าให้ครบ 25 เปอร์เซ็นต์”
ร่วมแสดงความคิดเห็น