ชาวบ้านถ้ำ เรียกร้องที่ทำการกองทุนคืน หลังถูกยึดทรัพย์

ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ที่ 10 ตำบลบ้านถ้ำ อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา รวมตัวเรียกร้องที่ทำการกองทุนของหมู่บ้านคืน หลังศาลสั่งให้มีการยึดทรัพย์ ซึ่งเป็นที่ดินและอาคารของหมู่บ้าน ที่เริ่มดำเนินการรวบรวมทุนมา ตั้งแต่ปี 2535 ทำการจัดซื้อที่ดินและสร้างสิ่งปลูกสร้าง แต่เนื่องจากในปี 2550 มี 1 ใน 4 ของคณะกรรมการที่มีชื่อเป็นตัวแทนหมู่บ้านเป็นเจ้าของที่ดิน ไปทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง และถูกฟ้องล้มละลาย แต่ศาลมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์ และยึดที่ดินของหมู่บ้านทั้งหมด โดยที่ชาวบ้านไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น จนทำให้ชาวบ้านเรียกร้องความเป็นธรรม เนื่องจากที่ดินดังกล่าวรวมทั้งตัวอาคารเป็นของหมู่บ้าน ที่มีการสะสมเงินในการจัดซื้อ แต่ต้องถูกยึดไปอย่างไม่เป็นธรรม
ตัวแทนชาวบ้านในพื้นที่หมู่ที่ 10 ตำบลบ้านถ้ำ ต้องรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมกับสื่อมวลชน หลังได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากศาลมีคำสั่งให้ยึดที่ทำการกองทุนของหมู่บ้าน ที่ชาวบ้านได้ร่วมก่อตั้งกันมาตั้งแต่ปี 2535 จนถึงปัจจุบัน และมีการจัดซื้อที่ดินโดยการรวบรวมเงินของกลุ่มกองทุนของหมู่บ้าน จนสามารถจัดซื้อที่ดินและอาคารสิ่งปลูกสร้างเป็นที่ถาวร แต่ล่าสุดทางกรรมการหมู่บ้านที่มีรายชื่ออยู่ จำนวนอีก 3 ราย ได้รับคำสั่งศาลให้มีการยึดทรัพย์ บริเวณที่ทำการกองทุนดังกล่าวของหมู่บ้าน เนื่องจากสาเหตุที่มีกรรมการ 1 ใน 4 ของคณะกรรมการที่เป็นตัวแทนถือสิทธิ์ครองที่ดินของหมู่บ้านดังกล่าว ได้ไปทำธุรกรรมทางการเงินกับกองทุนองค์กรพัฒนาชุมชน หรือ กอช. เพื่อทำธุรกิจโรงงานผลิตนม ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย แต่ต่อมาธุรกิจประสบกับภาวะขาดทุน จนเป็นเหตุให้กรรมการคนดังกล่าว ถูกศาลสั่งฟ้องล้มละลายและมีการสืบทรัพย์ พบว่าที่ดินผืนดังกล่าว ซึ่งเป็นของหมู่บ้านได้มีรายชื่อของกรรมการหนึ่งคน ซึ่งมีรายชื่อถือกรรมสิทธิ์จึงถูกศาลสั่งยึดทรัพย์ดังกล่าว ซึ่งถือว่าสร้างความเดือดร้อนให้กับหมู่บ้านเป็นอย่างมาก จึงเรียกร้องขอความเป็นธรรมกับกรณีดังกล่าวนายทวี หวานเสียง ตัวแทนคณะกรรมการหมู่บ้าน ระบุว่า ศูนย์ของหมู่บ้านตนเองดังกล่าวนั้น ได้เริ่มก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 โดยชาวบ้านได้ร่วมมือกันในการที่จะร่วมทำการออมทรัพย์ จากนั้นในปี 2541 ได้มีการรวบรวมเงินทุนทำการจัดซื้อที่ดินบริเวณดังกล่าว ซึ่งคณะกรรมการก็ได้มีการตั้งตัวแทนคณะกรรมการ 4 คน เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดิน แต่ต่อมาในปี พ.ศ. 2550 ได้มีคณะกรรมการ 1 คน ที่เป็นตัวแทนถือครองที่ดินของหมู่บ้านได้ไปทำธุรกรรมการเงินกับ ทางกองทุนองค์กรพัฒนาชุมชน โดยไปลงทุนทำโรงงานผลิตนม ที่จังหวัดเชียงราย แต่ต่อมากิจการประสบกับภาวะขาดทุน จึงทำให้ถูกฟ้องและมีการสืบทรัพย์ พบว่าบุคคลดังกล่าว มีรายชื่อถือกรรมสิทธิ์ที่ดินของหมู่บ้าน ทางศาลพิจารณาทำการยึดทรัพย์ทั้งหมด ซึ่งเป็นของหมู่บ้าน ทางคณะกรรมการ รวมทั้งชาวบ้าน ที่เป็นสมาชิกได้ทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมไปหลายหน่วยงาน แต่ก็ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือได้ จึงเรียกร้องให้หน่วยงานที่ดูแลแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนเข้าทำการช่วยเหลือ เพราะหากยึดที่ดินที่ทำการดังกล่าวไป ชาวบ้านที่ได้ร่วมไม้ร่วมมือกันก่อสร้างมา ก็จะได้รับความเดือดร้อน ซึ่งขณะนี้ทางกลุ่มและสมาชิกได้ให้ทนาย ขอกันส่วนในการยึดพื้นที่ และทรัพย์สินดังกล่าว เนื่องจากชื่อผู้ถือครองถึง 4 ราย และลำพังของหมู่บ้านเองนั้น หากจะซื้อคืนกับกรมบังคับคดี ชาวบ้านก็ไม่มีเงินหรือไม่รู้จะหาเงินจากที่ไหนมาซื้อคืนขณะที่ นางพิมพ์ลัดดา รัตนกุล ชาวบ้านอีกคน ระบุว่า ชาวบ้านขณะนี้ได้รับความเดือดร้อน หากยึดที่ทำการดังกล่าวนั้น เนื่องจากเป็นของชาวบ้านที่รวบรวมเงิน และก่อตั้งกันมาหลาย 10 ปี จึงอยากเรียกร้องขอที่ทำการดังกล่าว ซึ่งเป็นของหมู่บ้านจริง ๆ คืนสำหรับกองทุนหมูที่ 10 ตำบลบ้านถ้ำ อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา ดังกล่าวนั้นได้เริ่มก่อตั้งกันเมื่อปี พ.ศ. 2535 และได้ดำเนินกิจกรรมการออมทรัพย์มาโดยตลอด และถือเป็นกองทุนที่ประสบความสำเร็จในลำดับต้น ๆ ของจังหวัด และเป็นที่ศึกษาดูงานของหลายหน่วยงาน ในเรื่องการบริหารจัดการกองทุนที่มีประสิทธิภาพ จนสามารถมีทรัพย์สิน ซึ่งประกอบด้วยที่ดินและตัวอาคารหลากหลาย แต่เมื่อเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา ได้มีคำสั่งศาลให้มีการยึดทรัพย์ ซึ่งเป็นที่ทำการของกองทุน จึงทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากที่ผ่านมาชาวบ้านรวมทั้งกรรมการไม่ทราบเรื่องของการที่มีกรรมการไปทำธุรกรรมกับสถาบันการเงินอื่น จนเป็นเหตุให้กองทุนถูกยึดทรัพย์ จึงเรียกร้องให้หน่วยงานเข้าทำการช่วยเหลือ

ร่วมแสดงความคิดเห็น