“สนธิรัตน์” จ่อเปิดประมูลแหล่งปิโตรเลียมรอบใหม่ พื้นที่อ่าวไทย เม.ย.นี้ หวังกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ

“สนธิรัตน์”โหมงานตรวจเยี่ยมแหล่งเอราวัณ จ่อเปิดประมูลแหล่งปิโตรเลียมรอบใหม่ พื้นที่อ่าวไทย เม.ย. นี้ หวังกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ จากเม็ดเงินลงทุนในอุตสาหกรรมปิโตรเลียมวันที่ 4 มี.ค. 63 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วย นายสมบูรณ์ วัชระชัยสุรพล รองอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ สื่อมวลชน และคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของกิจการผลิตปิโตรเลียม แหล่งก๊าซธรรมชาติกลุ่มเอราวัณ พร้อมทั้งประกาศแผนการเปิดยื่นขอสิทธิสำรวจ และผลิตปิโตรเลียม ครั้งที่ 23 บริเวณทะเลอ่าวไทย ระบุสามารถเปิดประมูลได้ภายในเดือนเมษายน 2563 นี้ โดยมี นายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรม ราช และนายไพโรจน์ กวียานันท์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ให้การต้อนรับนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การลงพื้นที่แหล่งก๊าซธรรมชาติกลุ่มเอราวัณครั้งนี้ เพื่อตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของโครงการสำรวจ และผลิตปิโตรเลียมของประเทศไทย โดยแหล่งปิโตรเลียมดังกล่าว มีความสำคัญในฐานะที่เป็นแหล่งปิโตรเลียมแห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งได้สร้างประโยชน์ให้กับประชาชนคนไทย และประเทศชาติมาโดยตลอด ตั้งแต่การสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน สร้างความแข็งแกร่งให้แก่เศรษฐกิจของประเทศ ก่อเกิดอุตสาหกรรมต่อเนื่อง สร้างงาน สร้างอาชีพให้คนไทย รวมถึงสร้างรายได้ให้กับประเทศ ในรูปแบบค่าภาคหลวง มาแล้วกว่า 100,000 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นงบประมาณแผ่นดิน ในการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน ระบบสาธารณูปโภค และการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ มาเกือบ 40 ปีแล้ว
“นอกเหนือจากการตรวจเยี่ยมการดำเนินงานแล้ว ยังถือเป็นโอกาสในการศึกษาเรื่องศักยภาพของแหล่งปิโตรเลียมในประเทศไทย เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดยื่นขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ครั้งที่ 23 บริเวณทะเลอ่าวไทย ประมาณช่วงเดือนเมษายน 2563 นี้ เพื่อเปิดโอกาสให้ประเทศได้มีการพัฒนาแหล่งปิโตรเลียมใหม่ ๆ และรักษาระดับปริมาณการผลิตปิโตรเลียมในประเทศไม่ให้ลดลงโดยความคืบหน้า ในขณะนี้ทางกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ อยู่ในระหว่างการพิจารณากำหนดพื้นที่แหล่งปิโตรเลียม ระบบการบริหารจัดการ หลักเกณฑ์และเงื่อนไขสำหรับการเปิดให้สิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรอบใหม่ จากนั้นจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี ในการดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ ตั้งแต่การเปิดให้เอกชนเข้ามาศึกษาข้อมูลไปจนถึงประกาศผู้ชนะการประมูล โดยคาดว่าจะมีการลงนามกับผู้ชนะการประมูลประมาณต้นปี 2564 และจะก่อให้เกิดเม็ดเงินลงทุนในเบื้องต้นกว่า 1,500 ล้านบาท รวมถึงการต่อยอดให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมปิโตรเลียมในประเทศ เพิ่มขึ้นเป็นหมื่นล้านบาทหากมีการสำรวจพบปิโตรเลียม และประโยชน์ที่ตามมานั้น ไม่ใช่แค่ความมั่นคงด้านพลังงาน แต่หมายถึงความเชื่อมั่นของภาคการลงทุน การสร้างรายได้ให้กับประเทศ สร้างงาน สร้างอาชีพที่มั่นคงให้คนไทย ตลอดจนขับเคลื่อนการเจริญเติบโตให้กับธุรกิจต่อเนื่องอื่น ๆอาทิ ธุรกิจเกี่ยวกับการสร้างแท่นผลิตปิโตรเลียม ร้านอาหาร โรงแรม และภาคขนส่งอีกด้วย” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวทั้งนี้ ปัจจุบันกิจการผลิตปิโตรเลียม จากแหล่งก๊าซธรรมชาติกลุ่มเอราวัณ ซึ่งประกอบด้วย แหล่งเอราวัณ ปลาทอง สตูล และฟูนาน ดำเนินการโดย บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด โดยมีปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยของเดือนมกราคม 2563 อยู่ที่ 1,257 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน คอนเดนเสท หรือก๊าซธรรมชาติเหลว เฉลี่ยของเดือนมกราคม 2563 อยู่ที่ 44,519 บาร์เรลต่อวัน และน้ำมันดิบ เฉลี่ยของเดือนมกราคม 2563 อยู่ที่ 27,324 บาร์เรลต่อวัน ทั้งนี้ แหล่งก๊าซธรรมชาติกลุ่มเอราวัณ (แปลงสำรวจหมายเลข 10 11 12 และ 13) จะสิ้นสุดอายุสัมปทานในปี 2565 จากนั้นจะบริหารจัดการภายใต้ระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต และดำเนินการโดย บริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ร่วมกับ บริษัท เอ็มพี จี 2 (ประเทศไทย) จำกัด ที่ชนะการประมูลเมื่อปี 2561 ที่ผ่านมา
#น้าสนจัดให้

ร่วมแสดงความคิดเห็น