จากกรณีที่หญิงสาวคนหนึ่งโพสต์ว่า เพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศกลุ่มเสี่ยงไวรัสโควิด-19 มาถึงเชียงใหม่เมื่อคืนวานนี้ แต่แทนที่จะกลับที่พักและกักตัวเอง 14 วัน เพื่อสังเกตอาการตามข้อแนะนำในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ปรากฏว่าหญิงสาวคนดังกล่าวกลับไปรับประทานอาหารและดื่มกิน ที่ร้านหมาล่าชื่อดังแห่งหนึ่ง ย่านถนนห้วยแก้ว ในตัวเมืองเชียงใหม่ จากนั้นในช่วงดึกคืนเดียวกันนั้น ยังเข้าไปเที่ยวดื่มกินในสถานบันเทิง ชื่อดังแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่อย่างรื่นเริงด้วย พร้อมทั้งถ่ายภาพโพสต์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัว ซึ่งหลังจากนั้นมีผู้หวังดีบันทึกภาพหน้าจอไว้แล้วนำไปเปิดเผย เพื่อเตือนด้วยความเป็นห่วง โดยมีผู้แชร์ต่อและแสดงความเห็นจำนวนมากในเวลารวดเร็ว ส่วนใหญ่ตำหนิการกระทำของหญิงสาวรายนี้ ที่ไร้ความรับผิดชอบต่อส่วนรวม เพราะอาจจะทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรครุนแรง และเลวร้ายยิ่งขึ้น
เมื่อวันที่ 5 มี.ค. 63 ผู้สื่อข่าวได้เข้าพบนายปรัชญา ใจหมั่น ผู้จัดการทั่วไป ร้านหมาล่าดังกล่าว เปิดเผยว่า เมื่อคืนนี้วานนี้ 4 มี.ค. 63 ช่วงกลางดึกทราบเรื่องที่เกิดขึ้น จากลูกค้าที่แจ้งเข้ามาว่ามีผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เพิ่งกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยง แล้วตรงเข้ามาใช้บริการที่ร้าน ซึ่งเมื่อทราบเรื่องแล้วตัวเองได้รีบเข้าไปดูที่ร้านทันที พบว่าลูกค้าผู้หญิงคนดังกล่าว ออกจากร้านไปแล้ว ในช่วงประมาณเที่ยงคืน จากนั้นตัวเองจึงได้สั่งให้พนักงานทำความสะอาดอุปกรณ์ และทำความสะอาดร้านทุกซอกทกมุมทันที ด้วยน้ำยาทำความสะอาด และน้ำยาฆ่าเชื้อ ขณะที่วันนี้ 5 มี.ค. 63 ได้ว่าจ้างให้บริษัทรับทำความสะอาดที่มีความเชี่ยวชาญ เข้าทำการฆ่าเชื้อครั้งใหญ่ซ้ำอีกครั้งหนึ่ง และเปิดบริการตามปกติในช่วงเย็น ส่วนพนักงาน 2 คน ของร้านที่บริการใกล้ชิดกับลูกค้าผู้หญิงคนดังกล่าวนั้น ทางร้านให้หยุดงานอย่างน้อย 5 วัน เพื่อรอดูอาการ
ทั้งนี้นายปรัชญา ยอมรับว่า จากกรณีที่เกิดขึ้นสร้างความกังวลใจ ให้กับทางร้านระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตามมั่นใจในเรื่องมาตรฐานด้านสุขอนามัย และการรักษาความสะอาดของทางร้าน ที่มีการทำความสะอาดอย่างดีเป็นปกติทุกวัน อีกทั้งนับตั้งแต่ที่เกิดสถานการณ์ของโควิด-19 ทางร้านมีการตรวจสุขภาพพนักงานเป็นประจำวันด้วย ส่วนการสั่งอาหารของลูกค้านั้น พนักงานจะไปรับออเดอร์ และนำไปส่งให้ถึงโต๊ะ จึงสบายใจได้ว่าลูกค้าจะไม่ได้ไปสัมผัสกับอาหารและเครื่องดื่ม ก่อนที่จะมาถึงโต๊ะ โดยจากกรณีที่เกิดขึ้นนี้ อยากวิงวอนผู้ที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงว่า เมื่อเดินทางกลับควรให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตัวตามข้อแนะนำในการดูแลตัวเอง ด้วยการกักตัวเองสังเกตอาการอย่างเคร่งครัด 14 วัน เพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายลงไป ทั้งในแง่จำนวนผู้ป่วยที่อาจจะเพิ่มขึ้น และเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ลงไปอีก เพราะนับตั้งแต่ที่เกิดสถานการณ์ของเชื้อนี้ ทำให้การค้าขายและการท่องเที่ยวซบเซาลงไปแล้วอย่างหนัก
ร่วมแสดงความคิดเห็น