กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 336 ปางหมู อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน เร่งทำแนวป้องกันไฟและบ้านพักรับรอง เพื่อรองรับผู้ป่วยที่เดินทางกลับมาจากประเทศเกาหลีใต้ ขณะที่ข่าวลือเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาจนทำให้ต้องมีการล้างทำความสะอาดโรงเรียน พบว่าผู้ต้องสงสัยไม่ได้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่อย่างใด
เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2563 พ.ต.ท.ธวัชชัย สุรินต๊ะ ผบ.ร้อย.ตชด.336 ค่ายปางหมู ได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ ตชด.ในสังกัด ร้อย ตชด.336 ร่วมกันทำแนวป้องกันไฟป่าและจัดเตรียมบ้านพักรับรอง จำนวน 2 หลัง เพื่อไว้รองรับผู้ป่วยจากการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 โดยบ้านพักรับรองดังกล่าวสามารถรองรับได้ 20 คน
สำหรับพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ทางจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ออกหนังสือด่วนที่สุด ที่ มส0032/ว957 ลงวันที่ 6 มีนาคม 2563 เรื่องให้จัดเตรียมสถานที่รองรับสำหรับเพื่อสังเกตอาการ สำหรับผู้ที่เดินทางกลับจากสาธารณรัฐเกาหลี โดยได้มีการจัดสถานที่รองรับผีน้อย จำนวน 3 แห่งได้แก่ ค่ายเทพสิงห์ หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 36 แม่สะเรียง , กองร้อย ตชด.336 ปางหมู อ.เมือง และ ค่ายโสณบัณฑิตย์ กองพันที่ 5 กรมทหารราบที่ 7 อ.ปาย
นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า กลุ่มแรงงานไทยที่ไปทำงานแบบผิดกฎหมาย และเดินทางกลับประเทศไทย ก่อนเที่ยวบิน 21.10 น.ของวานนี้ (7 มี.ค.) ทั้งหมดจะต้องมาเข้ากระบวนการคัดกรอง ตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด โดยมอบให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทุกจังหวัด ติดตามตัวผู้มีรายชื่อทั้งหมดมาเข้ากระบวนการคัดกรอง หากใครไม่มาหรือไม่ให้ความร่วมมือ ต้องถูกดำเนินคดีแน่นอน ตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรคฯ
สำหรับในพื้นที่ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีแต่กระแสข่าวลือเรื่องคนติดเชื้อโควิด-19 ว่ามี 2 ราย มาจากวัดแห่งหนึ่งใน ต.ห้วยผา และ ในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในเขตเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน ซึ่งกระแสข่าวลือดังกล่าว สร้างความตระหนกต่อสังคมเป็นอย่างมาก แต่ทางภาครัฐก็ไม่ออกมาชี้แจงแต่อย่างใด ( ในขณะนั้น ) ล่าสุดทางโรงพยาบาลศรีสังวาลย์แม่ฮ่องสอน ได้ออกมายืนยันแล้ว ว่า ทางโรงพยาบาล ฯ ได้มีการกักตัวผู้ต้องสงสัยว่าจะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 2 รายจริง และล่าสุดเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2563 ที่ผ่าน ล่าสุดผลการตรวจหาเชื้อจากผู้ต้องสงสัยทั้งสองรายได้ ระบุว่า ไม่ได้ติดเชื้อไวรัสดังกล่าวแต่อย่างใด และ ขอประชาชนในแม่ฮ่องสอน อย่าตระหนกต่อข่าวลือที่เกิดขึ้น หากต้องการทราบข่าว สารให้ติดต่อหน่วยงานหลักที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการดูแลผู้ป่วยกลุ่มดังกล่าวได้โดยตรง
ร่วมแสดงความคิดเห็น