วันที่ 13 มี.ค. 63 ที่จังหวัดเชียงราย สถานการณ์หมอกควัน PM2.5 ยังคงเกินมาตราฐาน โดย ในพื้นที่ อ.เมือง จ.เชียงราย สามารถมองเห็นฝุ่นละออกได้ด้วยตาเปล่า รู้สึกแสบตา และจมูกเมื่อออกนอกบ้านเรือน โดยที่ อ.เมือง จ.เชียงราย วัดได้ 328 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ทำให้การทัศวิสัยในการมองเห็นลดลง การใช้รถใช้ถนนต้องระมัดระวังมากขึ้น ในส่วนของท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย พบว่าการสัญจรทางอากาศยังสามารถดำเนินการได้เป็นปกติ โดยค่ามาตราฐานในการบินต้องไม่ต่ำกว่า 800 เมตร ซึ่งในวันนี้พบว่าอยู่ที่ 1,300-1,500 เมตร ซึ่งยังสามารถทำการบินได้เป็นปกติ ไม่มีผลกระทบต่อการบินแต่อย่างใด
โดยที่ อ.แม่สาย พบว่าเป็นจุดที่วิกฤติหนักที่ชายแดนไทย-เมียนมา โดยกรมควบคุมมลพิษรายงานผลการตรวจวัด ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศ พบว่า PM 2.5 วัดได้ 467 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งสูงที่สุดในประเทศ และสูงที่สุดในรอบปี โดยคุณภาพอากาศอยู่ในระดับสีแดงต่อเนื่องติดต่อกันมานานกว่า 1 สัปดาห์แล้ว โดยประชาชนในพื้นที่อำเภอแม่สายได้ร่วมรณรงค์ให้ทุกคน ออกมาร่วมสู้ภัยหมอกควันฝุ่นพิษ ด้วยการฉีดพ่นน้ำ รดน้ำต้นไม้ ภายในบ้านเรือนของตนเอง เพื่อเพิ่มความชื้นในอากาศ และพยายามปกป้องตนเองด้วยการสวมหน้ากากอนามัยในยามที่ต้องออกไปในที่โล่งแจ้ง
ด้านนายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ก็ได้มีการสั่งการให้ทุกหน่วยงานออกช่วยเหลือประชาชน ทั้งด้านการป้องกันไม่ให้เกิดการเผาในพื้นที่ และสั่งการให้แต่ละองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และแต่ละอำเภอนำรถน้ำอออกฉีดพ่น เพื่อสร้างความชุ่มชื้นในอากาศ รวมไปถึงได้จัดทีมสนธิกำลังเฉพาะกิจ ทั้งทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ฝ่ายปกครอง และจิตอาสา ออกลาดตระเวน ตามพื้นที่ป่าไม้เพื่อป้องกันการลักลอบเผาป่า รวมไปถึงจัดชุดเสือไฟ เข้าทำการดับไฟป่าที่เกิดขึ้น
สำหรับในพื้นที จ.เชียงราย พบว่า มีหมอกควันสะสมในพื้นที่เป็นจำนวนมาก และสูงเป็นดับต้น ๆ ของประเทศ แม้ว่าจุดฮอตสปอต หรือจุดความร้อน จะเกิดขึ้น้อยมากก็ตาม โดยพบว่าหมอกควันส่วนใหญ่เกิดจากการเผาในประเทศเพื่อนบ้าน ประกอบกับภูมิประเทศเป็นที่โล่ง และมีภูเขาล้อมรอบ ทำให้หมอกควันลอยเข้ามาในพื้นที่ โดยไม่ถูกลมพัดออกไป จึงเกิดหมอกควันสะสม ซึ่งทางศูนย์ประสานงานชายแดนท้องถิ่น ไทย-เมียนมา หรือ TBC ก็ได้มีการประสานกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อขอให้ลดการเผาในช่วงนี้เพื่อลดประมาณหมอกควันที่เกิดขึ้น
ร่วมแสดงความคิดเห็น