กอปภ.ก. ประสาน 57 จังหวัด รับมือพายุฤดูร้อน ฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรง ช่วงวันที่ 21-24 มี.ค. 63

กอปภ.ก โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ประสานจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออก เฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก เตรียมพร้อมรับมือพายุฤดูร้อน ฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตก ในช่วงวันที่ 21-24 มีนาคม 2563 โดยประสานจังหวัดและศูนย์ ปภ.เขต ในพื้นที่เสี่ยงภัยติดตามสภาพอากาศและแนวโน้มสถานการณ์ภัยตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมระดมสรรพกำลังเจ้าหน้าที่และเครื่องจักรกล สาธารณภัยให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุ และช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันที รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนติดตามพยากรณ์อากาศ และปฏิบัติตามประกาศเตือนภัยอย่างเคร่งครัด
นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา และพิจารณาปัจจัยเสี่ยง พบว่า ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางพื้นที่ รวมถึงอาจมีฟ้าฝ่าเกิดขึ้นได้ ในขณะที่ประเทศไทยตอนบน มีหย่อมความกดอากาศต่ำ มีความร้อนปกคลุม รวมถึงลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ ได้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างและภาคกลาง สำหรับพื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์วาตภัย ฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ในช่วงวันที่ 21–24 มีนาคม 2563 แยกเป็น
ภาคเหนือ 14 จังหวัด ได้แก่ น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ อุทัยธานี ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ สุโขทัย กำแพงเพชร และตาก
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด ได้แก่ เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ชัยภูมิ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
ภาคกลาง 16 จังหวัด ได้แก่ ชัยนาท สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และนครนายก
ภาคตะวันออก 7 จังหวัด ได้แก่ ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
ซึ่ง กอปภ.ก ได้กำชับให้หน่วยปฏิบัติในพื้นที่ จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศปริมาณฝน และแนวโน้มสถานการณ์ภัยต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมจัดชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต (ERT) รถปฏิบัติการและเครื่องจักรกลสาธารณภัย ให้พร้อมเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันที อีกทั้งแจ้งเตือนประชาชนติดตามพยากรณ์อากาศ และประกาศเตือนภัยอย่างใกล้ชิด รวมถึงปฏิบัติตามคำเตือนอย่างเคร่งครัดตลอดจนตรวจสอบบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้าง ให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง ห้ามหลบพายุบริเวณใต้ต้นไม้ ป้ายโฆษณาหรือสิ่งปลูกสร้างที่ไม่มั่นคงแข็งแรง เพราะอาจได้รับอันตรายจากการถูกล้มทับ ส่วนเกษตรกรให้จัดทำที่ค้ำยันต้นไม้หรือที่กำบัง เพื่อป้องกันพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหาย ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัย สามารถติดต่อได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น