“ต๋าว” ผลไม้ประจำถิ่นของชาวลัวะ เมืองน่าน

ต้นต๋าว เป็นไม้ป่าจัดอยู่ในตระกูลปาล์มเช่นเดียวกับมะพร้าว ต้นตาลหรือปาล์มชนิดอื่น ๆ มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Sugar palm กล่าวกันว่าต้นไม้ตระกูลปาล์มนั้น บรรพบุรุษของมันมีอายุอยู่ในรุ่นเดียวกับไดโนเสาร์ ซึ่งสูญพันธุ์ไปเมื่อ 65 ล้านปีที่แล้ว
ต้นต๋าวมีถิ่นกำเนิดและการกระจายพันธุ์อยู่ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้แก่ อินเดีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์  ส่วนในประเทศไทยพบได้ในป่าดิบทั่วไปที่พบมากได้แก่ในป่าแถบจังหวัดกาญจนบุรี พิษณุโลก ตาก อุตรดิตถ์ แพร่ และน่าน โดยเฉพาะที่อำเภอสันติสุข จังหวัดน่าน นั้นเป็นแหล่งพบต้นต๋าวมากที่สุด

อำเภอสันติสุขเป็นแหล่งที่อยู่ของชาวลัวะ ที่นักวิชาการหลายท่านสันนิษฐานว่าไม่ได้อพยพมาจากที่อื่นเหมือนกับชาวเขา หากแต่ชาวลัวะที่นี่มีบรรพบุรุษ ซึ่งตั้งถิ่นฐานอยู่ในเขตจังหวัดน่านและพะเยามาตั้งแต่สมัยก่อนที่พญามังรายจะสถาปนาอาณาจักรล้านนาเสียอีก
วิถีชีวิตของชาวลัวะเมืองน่าน มักจะอาศัยอยู่ใกล้กับแหล่งน้ำ ยังชีพด้วยการเข้าไปหาของป่าออกมาขาย หนึ่งในการดำรงชีพของชาวลัวะอำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน ก็คือ การเข้าไปเก็บลูกต๋าวมาขาย ซึ่งการเข้าป่าแต่ละครั้งนั้น ใช้เวลาหลายวันเดินข้ามเขาหลายลูก เพื่อเข้าไปเก็บลูกต๋าว ซึ่งจะอยู่ในช่วงระหว่างเดือนธันวาคมถึงเดือนเมษายน

 

ในช่วงวงจรชีวิตของต้นต๋าว จะมีใบประมาณ 50 ทาง ทางหนึ่งมีความยาว 6-10 เมตร และสองทางสุดท้ายจะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการออกดอก ต๋าวเป็นต้นไม้ที่มีเกสรตัวผู้และตัวเมียอยู่ในต้นเดียวกัน ช่อดอกของต๋าวจะแทงออกจากลำต้นระหว่างกาบใบ ช่อดอกช่อหนึ่งอาจจะยาว 2-3 เมตร ภายในช่อมีดอกรวมกันอยู่แน่น ดอกต๋าวจะมีสีขาวขุ่น เมื่อโตเต็มที่จะทยอยออกดอกทีละหลายทะลาย ต้นต๋าวเป็นปาล์มที่ออกผลครั้งเดียว กว่าจะออกผลได้ก็ต้องมีอายุ 12-15 ปี เมื่อดอกกลายเป็นผลจนสุกเต็มที่แล้ว ก็จะเริ่มออกดอกทะลายต่อไปเรื่อย ๆ โดยต้นหนึ่งสามารถออกดอกประมาณ 3-5 ทะลาย จนเมื่อผลแก่ร่วงลงสู่ดิน เพื่อขยายพันธุ์ต้นใหม่แล้ว ต๋าวต้นนั้นก็จะตายทันที

 

ชาวลัวะที่เข้าไปเก็บผลต๋าวบอกว่า หลังจากที่ปีนขึ้นไปฟันลูกต๋าวแล้วก็จะนำมาต้มในน้ำเดือดเพื่อให้เปลือกลูกต๋าวนุ่ม สะดวกแก่การบีบเอาเนื้อในออกมา หลังจากที่ต้มลูกต๋าวแล้วพวกเขาก็จะตักเอาลูกต๋าวออกมาวางลงบนใบตอง แล้วใช้มีดปาดส่วนหัวออก ให้เห็นเม็ดต๋าวสีขาว จากนั้นก็เอาไม้หนีบบีบ จนเม็ดต๋าวหลุดออกมา จากนั้นจึงนำมาล้างด้วยน้ำเปล่าให้สะอาด นอกจากนั้นยอดอ่อนของต้นต๋าว เมื่อนำมาต้มจะได้รสชาติอร่อยคล้ายกับยอดมะพร้าวอ่อน

ลูกต๋าวสด ๆ เมื่อลองนำมาชิมปรากฏว่ารสชาติจืดชืด แถมยังฝาดอีกด้วย ลูกต๋าวที่ได้จากป่าเมื่อชาวบ้านขนกลับหมู่บ้านก็จะนำไปขายให้แก่พ่อค้าที่มารับซื้อถึงที่ ในราคาถังละประมาณ 300 บาท แต่ก็มีชาวบ้านส่วนหนึ่งนำลูกต๋าวไปแช่น้ำทิ้งไว้ 2 คืน เพื่อให้เนื้อลูกต๋าวพองทำให้ได้ปริมาณมากขึ้น แต่ราคาจะถูกกว่า บางคนก็นำลูกต๋าวมาแปรรูปเป็นผลไม้แห้ง ซึ่งมีรสออกหวานใส่ถุงขายก็ได้ราคาดี ตกกิโลกรัมละ 120-150 บาท
ปัจจุบันมีชาวบ้านจากอำเภอสันติสุขเลยไปถึงอำเภอบ่อเกลือ นิยมหันมาขายลูกต๋าวเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดการขาดแคลนลูกต๋าว คนที่เข้าไปจึงต้องตัดเอาลูกต๋าวที่ยังไม่แก่จัด ผลก็คือทำให้ต้นต๋าวที่จะเกิดในธรรมชาติมีน้อยลง เนื่องจากลูกที่ร่วงลงพื้นเพื่องอกเป็นต้นใหม่นั้นจะต้องมีอายุเกินหนึ่งปีขึ้นไป ประกอบกับระยะหลังมีการบุกรุกทำลายป่ากันมากขึ้น จนทำให้หลายฝ่ายวิตกกังวลว่าต้นต๋าวอาจจะสูญพันธุ์ไปจากป่าได้
บทความโดย
จักรพงษ์  คำบุญเรือง

ร่วมแสดงความคิดเห็น