กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ชี้แจงการตรวจเชื้อโควิด-19 ทางห้องปฏิบัติการ มีทั้งการตรวจหาเชื้อไวรัส และการตรวจภูมิคุ้มกัน ระยะเวลาที่ตรวจแล้วได้ผลแม่นยำ คือ ตรวจหาเชื้อไวรัส หลังจากได้รับเชื้อประมาณ 5 – 7 วัน ส่วนการตรวจภูมิคุ้มกันจะตรวจได้ หลังมีอาการป่วยประมาณ 5 – 7 วัน หรือหลังติดเชื้อแล้ว 10 – 14 วัน เน้นประชาชนควรตรวจเมื่อมีอาการเป็นไข้ ไอ เจ็บคอ และมีประวัติเสี่ยง หรือสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย ส่วนน้ำยา และชุดทดสอบตรวจโควิด-19 อนุญาตใช้เฉพาะสถานพยาบาล หรือตามที่ อย.กำหนด ไม่อนุญาตจำหน่ายทั่วไป การตรวจและการแปลผลต้องทำโดยบุคลากรทางการแพทย์เท่านั้น
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า มีทั้งการตรวจหาเชื้อไวรัส และการตรวจภูมิคุ้มกัน โดยการตรวจหาเชื้อไวรัส สามารถตรวจได้หลังจากได้รับเชื้อมาแล้วประมาณ 5 -7 วัน จึงเป็นวิธีที่ตรวจหาเชื้อได้เร็วที่สุด โดยแบ่งเป็น 3 แบบ คือ แบบที่ 1 ตรวจสารพันธุกรรมของไวรัส ด้วยวิธี Real-time RT PCR แบบที่ 2 คือ เพาะเลี้ยงเชื้อไวรัส และแบบที่ 3 ตรวจหา Antigen เชื้อไวรัส สำหรับการตรวจหาสารพันธุกรรมของไวรัส ที่พร้อมใช้อยู่ในปัจจุบัน องค์การอนามัยโลกแนะนำ คือ วิธี Real-time RT PCR เนื่องจากมีความไว ความจำเพาะสูง ทราบผลภายใน 3 – 5 ชั่วโมง และสามารถตรวจจับเชื้อไวรัสปริมาณน้อยๆ ในรูปแบบของสารพันธุกรรม ดังนั้น ไม่ว่าจะเชื้อเป็น หรือเชื้อตาย ตรวจจับได้หมดจากสารคัดหลั่งทางเดินหายใจส่วนบน ส่วนล่าง ของผู้สงสัยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ดังนั้น จึงเป็นวิธีที่เหมาะสมสำหรับการตรวจวินิจฉัยโรค เพื่อการรักษาที่รวดเร็ว ตั้งแต่ระยะแรกของการเกิดโรค และใช้ติดตามผลการรักษาได้
ส่วนการตรวจภูมิคุ้มกัน (IgM/IgG) ด้วยชุดทดสอบแบบรวดเร็ว หรือ Rapid Test ทราบผลใน 15 นาที การตรวจวิธีนี้จะทำได้หลังมีอาการป่วย 5 – 7 วัน หรือได้รับเชื้อมาแล้ว 10 – 14 วัน ดังนั้น การใช้ Rapid Test ตรวจภูมิคุ้มกัน (IgM/IgG) ในช่วงแรกของการรับเชื้อ หรือช่วงแรกที่มีอาการ ผลการตรวจจะขึ้นลบ ซึ่งไม่ได้แสดงว่าผู้ป่วยไม่ได้ติดเชื้อโควิด-19 เนื่องจากภูมิคุ้มกันยังไม่เกิดขึ้น ทั้งนี้โดยปกติธรรมชาติของร่างกายเมื่อได้รับเชื้อ ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาต่อสู้กับเชื้อโรค ซึ่งภูมิคุ้มกันจะเกิดหลังจากมีอาการประมาณ 5 – 7 วัน น้ำยานี้ อย.อนุญาตใช้เฉพาะสถานพยาบาลเท่านั้น ไม่อนุญาตจำหน่ายทั่วไป ประชาชนอย่าซื้อมาตรวจเอง เพราะมีความยุ่งยากในการแปลผล และสรุปผล ต้องทำโดยบุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุขเท่านั้น
ร่วมแสดงความคิดเห็น