วันที่ 4 เม.ย.63 รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบในทั่วประเทศ และเพื่อเป็นการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าว ทางคณะกรรมการโรคติดต่อจึงได้มีการแจ้งออกประกาศให้มีการสั่งปิดสถานบริการวนหลายพื้นที่ รวมไปถึงของจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 18 มี.ค.63 ที่ผ่านมา แต่จากการติดตามและดำเนินการอย่างต่อเนื่องยังคงพบว่ามีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อยู่ ซึ่งล่าสุด จึงมีคำสั่งจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ที่ 7/2563 ในการขยายระยะเวลาในการบังคับใช้คำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ 
โดยหนังสือดังกล่าว ออกโดย นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดเชียงใหม่ ลงวันที่ 3 เม.ย.63 ซึ่งระบุในประกาศดังกล่าวว่า ตามที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ได้มีคำสั่งเกี่ยวกับมาตรการเร่งด่วน ในการป้องกันวิกฤตการณ์ จากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่มาอย่างต่อเนื่องแล้ว แต่ปรากฏว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ยังมีแนวโน้มแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นเพื่อให้การเฝ้าระวัง ควบคุม และป้องกันการแพร่ระบาดจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 และข้อ 7(1) ของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 1) ลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ.2563 ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ตามมติที่ประชุม ครั้งที่ 17/2563 เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2563 จึงให้ขยายระยะเวลาการปฏิบัติหรือผลบังคับใช้ตามคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ออกไปจนถึงวันที่ 30 เมษายน 2563 ดังนี้
1.คำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อ จังหวัดเชียงใหม่ ที่ 2/2563 ลงวันที่ 22 มีนาคม 2563
2.คำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อ จังหวัดเชียงใหม่ ที่ 3/2563 ลงวันที่ 24 มีนาคม 2563
3.คำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อ จังหวัดเชียงใหม่ ที่ 4/2563 ลงวันที่ 28 มีนาคม 2563
อนึ่ง การดำเนินการตามคำสั่งนี้เป็นไปตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 จึงไม่อยู่ในบังคับของกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง และกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาทางปกครอง ตามมาตรา 16 ของพระราชกำหนดดังกล่าว
ผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 หรือต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 30 เมษายน 2563
ร่วมแสดงความคิดเห็น