(มีคลิป) ตร.ภาค 5 รวบหนุ่มหลอกขายหน้ากากอนามัย ลวงเหยื่อกว่า 16 ราย หาเงินเล่นการพนันออนไลน์

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 5 เม.ย. 63 ที่ห้องศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ตำรวจภูธรภาค 5 (ศปอส.ภ.5) พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี ผบก.สส.ภ.5 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุด ศปอส.ภ.5 และเจ้าหน้าที่ บก.สส.ภ.5 ได้ร่วมกันนำตัว นายสมคิด ด้วงพร้อม อายุ 26 ปี ชาว จ.พิจิตร ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดี “ฉ้อโกง (หลอกขายหน้ากากอนามัย โอนเงินแล้วไม่ส่งของ)” ตามหมายจับศาลแขวงเชียงใหม่ ที่ 83/2563 ลงวันที่ 5 มีนาคม 2563

หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้มีผู้เสียหายหลายราย เข้ามาทำการร้องเรียนกับทางเจ้าหน้าที่ ผ่านศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ตำรวจภูธรภาค 5 ว่าได้มีบุคคลใช้ชื่อเฟซบุ๊กว่า “Sorn Poochil” และ “Ton LZ” มาทำการหลอกขายหน้ากากอนามัย โดยการฉวยโอกาสเห็นทางผู้เสียหายโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กตั้งเป็นสาธารณะ และได้เข้ามาแอบอ้างว่ามีหน้ากากอนามัยขายเป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้เสัยหายหลงเชื่อแล้วทำการโอนเงินไปให้ แต่ในเวลาต่อมาทางผู้ต้องหาได้ปิดเฟซบุ๊กหนี รวมทั้งช่องทางต่าง ๆ ทำให้ผู้เสียหายไม่สามารถติดต่อได้ และเข้าร้องเรียนกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อสืบสวนติดตามจับกุมตัวดังกล่าว

ทั้งนี้ทาง พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี ผบก.สส.ภ.5 เปิดเผยว่า ในการจับกุมครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนติดตามตัวผู้ต้องหาคนดังกล่าว และทราบว่าผู้ต้องหารายนี้ได้มีการแอบอ้างขายสินค้าหลายอย่าง และไม่ใช่เพียงหน้ากากอนามัย โดยพฤติกรรมของผู้ต้องหานั้น จะมีการทำเฟซบุ๊กขึ้นมาหลายชื่อด้วยกัน และจากการตรวจสอบพบว่ามีผู้เสียหายทั้งหมดทั่วประเทศ ที่ถูกหลอกลวงตั้งแต่เดือน มกราคม จนกระทั่งถึงเดือนมีนาคม จำนวน 16 ราย มูลค่าความเสียหายประมาณ 125,650 บาท โดยเคสที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวน รวบรวมพยานหลักฐานและจับกุมตัวได้ในท้องที่ สภ.สารภี จ.เชียงใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่แผนประทุษกรรมของผู้ต้องหาจะเป็นลักษณะ เมื่อเห็นผู้เสียหายโพสต์ประกาศหาซื้อหรือต้องการสินค้า ก็จะเข้าไปติดต่ออ้างว่ามีสินค้าดังกล่าวขาย
เมื่อทำการพูดคุยกับเหยื่อจนหลงเชื่อก็จะให้ผู้เสียหายโอนเงินมา ซึ่งการโอนเงินนั้นก็จะมีทั้งการใช้บัญชีของตัวเอง และบัญชีของเหยื่อรายอื่น ๆ โดยหลอกให้หนึ่งในผู้เสียหายโอนเงินไปที่บัญชีของผู้เสียหายอีกรายแล้วอ้างว่ามีการโอนเงินผิด จากนั้นก็จะให้โอนเงินกลับคืนมา จากนั้นก็จะทำการถอนเงินนำออกไปใช้ และทำการตัดช่องทางการติดต่อกับผู้เสียหาย เพื่อไม่ให้ติดตามตัวเจอ นอกจากนี้ จากการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหา ยังเคยถูกจับในคดีลักษณะเดียวกันนี้มาแล้ว เมื่อช่วงปี 2554 ซึ่งครั้งนั้นได้มีการเจรจาไกล่เกลี่ยกับผู้เสียหายจนกระทั่งพ้นคดี จนกระทั่งมาถูกจับกุมอีกในครั้งนี้

ขณะที่ทางด้าน นายสมคิด ผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้ตนมีอาชีพขับรถส่งของ แต่บริษัทได้ปิดตัวไป จึงได้มาทำอาชีพเป็นไลน์แมน ส่งสินค้าและอาหาร แต่ต่อมาทางบริษัทมาตรวจพบประวัติว่าตนเคยมีประวัติฉ้อโกง ก็ถูกเลิกจ้าง จนกระทั่งตนไม่รู้จะไปหางานทำที่ไหน ประกอบกับสถานการณ์บังคับ ทำให้ตนต้องลงมือก่อเหตุ โดยเคสผู้เสียหายที่เข้ามาร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นเป็นเคสที่ตนหลอกขายหน้ากากอนามัย ซึ่งตนได้เข้าไปหลอกขายผ่านออนไลน์ และไม่ได้มีสินค้าแต่อย่างใด โดยตนก็ไม่คิดว่าผู้เสียหายจะหลงเชื่อ และโอนเงินมาจำนวนมาก และคิดว่าน่าจะมาจากความที่ผู้เสียหายไว้เนื้อเชื่อใจ ส่วนเงินที่ได้ไปนั้นตนได้นำมาใช้จ่าย และได้นำไปเล่นการพนันออนไลน์  ตนจึงอยากขอโทษผู้เสียหายกับสิ่งที่กระทำลงไป และยินยอมที่จะรับโทษ

พล.ต.ต.วีรชน กล่าวเพิ่มเติมว่า อย่างไรก็ตาม อยากฝากเตือนพี่น้องประชาชน หรือบุคคลที่กำลังหาซื้อสินค้าในลักษณะเช่นนี้ด้วยว่า ให้มีการตรวจสอบให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจตกลงซื้อขาย เนื่องจากอาจตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพในลักษณะเช่นนี้ ซึ่งจะฉวยโอกาสในช่วงที่ขณะนี้ก็เป็นที่ทราบกันดีว่า สินค้าโดยเฉพาะหน้ากากอนามัยกำลังเป็นที่ต้องการของท้องตลาด เนื่องจากหาซื้อยาก จึงทำให้กลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้ใช้ช่องทางลักษณะดังกล่าว มาก่อเหตุฉ้อโกงได้ ดังนั้นการตัดสินใจซื้อควรเป็นบุคคลหรือบริษัทที่ไว้ใจได้ มีหลักฐานแสดงชัดเจน และการเรียกเก็บเงินปลายทาง ก็ต้องควรดูให้ดีว่าสินค้าตรงกับที่ได้สั่งไปหรือไม่ รวมไปถึงการจำหน่ายสินค้าที่เกินราคาที่กำหนด ซึ่งหากพบการกระทำใดในลักษณะดังกล่าว สามารถแจ้งเบาะแสกองบังคบการสืบสวนสวนตำรวจภูธรภาค 5 หรือ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ตำรวจภูธรภาค 5 ได้

ร่วมแสดงความคิดเห็น