“สองล้อ” ทันสมัย ชักชวนคนไทย ปั่นจักรยานผ่านแอพฯ ออนไลน์ โครงการ “ปั่นในบ้าน ต้านโควิด”

สมาคมกีฬาจักรยานฯ ไม่ยอมหยุดอยู่กับที่ เดินหน้าจัดโครงการ “ปั่นในบ้าน ต้านโควิด” ชักชวนคนไทยทุกเพศทุกวัยมาออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยานออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชั่น “Zwift” เริ่มต้นปั่น “วันมหาสงกรานต์” วันที่ 13 เมษายน เป็นต้นไป ซึ่งจะมีนักกีฬาจักรยานทีมชาตินำโดย “จุฑาธิป-สราวุฒิ” พร้อมด้วย “โค้ชตั้ม” มาเป็นผู้นำในการปั่น ส่วนผู้ที่มีอุปกรณ์ไม่ครบ สามารถร่วมและติดตามกิจกรรมได้ทางเฟซบุ๊กไลฟ์ ที่ผู้นำปั่นแต่ละคนถ่ายทอดสด
“เสธ.หมึก” พลเอกเดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า เนื่องจากสภาวะการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของชาวไทยทั่วประเทศ ที่จะต้องรักษาระยะห่างทางสังคม หรือกักตัวเองอยู่ในบ้าน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด รวมไปถึงมาตรการจำกัดการเดินทางและการรวมกลุ่ม ซึ่งก็ทำให้ช่องทางในการออกกำลังกายของทั้งนักกีฬา และผู้คนโดยทั่วไปได้รับผลกระทบตามไปด้วย
พลเอกเดชา กล่าวว่า จากปัญหาดังกล่าว สมาคมกีฬาจักรยานฯ จึงมีดำริจะจัดโครงการ “ปั่นในบ้าน ต้านโควิด” หรือ Home Cycling, Combating Covid-19 เพื่อรณรงค์การออกกำลังกายของประชาชนทั่วไปที่สนใจในการขี่จักรยาน ซึ่งเป็นการปั่นจักรยานออนไลน์ หรือ E-Cycling อาจจะคล้ายกับ E-Sport แต่เป็นการปั่นจริง ออกกำลังจริง มีการเผาผลาญพลังงาน และได้เหงื่อจริง โดยมอบหมายให้ นายธริษตรี จุลกทัพพะ อุปนายกสมาคมกีฬาจักรยานฯ เป็นผู้อำนวยการโครงการ ซึ่งในเบื้องต้นมีกำหนดที่จะเริ่มโครงการในวันมหาสงกรานต์ 13 เมษายน 2563
นายกสมาคมกีฬาจักรยาน กล่าวอีกว่า สำหรับโครงการ “ปั่นในบ้าน ต้านโควิด” ระยะแรกนี้ จะใช้นักกีฬาทีมชาติไทยและทีมอาชีพ ไทยแลนด์ คอนติเนนตัล ไซคลิง ประกอบด้วย “บีซ” ร้อยโทหญิง จุฑาธิป มณีพันธุ์ นักปั่นทีมชาติที่ได้ไปโอลิปิกเกมส์ “โตเกียว 2020” และ สิบตรี สราวุฒิ สิริรณชัย เจ้าของ 3 เหรียญทองกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 30 พร้อมด้วย นายธนาคาร ไชยยาสมบัติ, ร้อยตำรวจโท ธุรกิจ บุญรัตนธนากร, สิบตรีหญิง เพชรดารินทร์ สมราช, น.ส.วรินทร เพ็ชรประพันธ์, “อเล็กซ์” นายอริยะ พูนสวัสดิ์ รวมถึง “โค้ชตั้ม” พันจ่าอากาศเอก วิสุทธิ์ กสิยะพัท ใช้แอปพลิเคชั่นขี่จักรยานออนไลน์ “Zwift” เป็นผู้นำการขี่ในแต่ละกลุ่มในแบบ MeetUp ซึ่งสมาคมกีฬาจักรยานฯ จะเริ่มดำเนินการลงทะเบียนแต่ละกลุ่มภายในวันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน 2563 โดยแอพพลิเคชั่น “Zwift” สามารถใช้งานผ่านโทรศัพท์สมาร์ทโฟน, ไอแพด และ คอมพิวเตอร์โน๊คบุ๊ค
“ในเบื้องต้นนี้ โดยปกติผู้ที่จะเข้าร่วมในแอปพลิเคชั่น Zwift จะต้องมีอุปกรณ์อย่าง สมาร์ทเทรนเนอร์ เพื่อให้ใช้งานร่วมกับจักรยานที่มีอยู่ได้เต็มประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ในโครงการ ปั่นในบ้าน ต้านโควิด ครั้งนี้ สมาคมฯ ก็จะนำวิธีการเข้าร่วมโครงการแบบประหยัดโดยใช้เทรนเนอร์ปกติธรรมดาที่มีอยู่ติดตั้งเชื่อมต่อข้อมูลกับแอปพลิเคชั่นโดยไม่จำเป็นต้องซื้อหาสมาร์ทเทรนเนอร์มาใช้ ซึ่งจะทยอยนำเอาวิธีการเข้าร่วมและการใช้งานแบบต่าง ๆ เผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์และเฟซบุ๊กของสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทยฯ เป็นระยะ ๆ ก่อนเริ่มโครงการ” พลเอกเดชา กล่าว
นอกจากนี้ พลเอกเดชา กล่าวต่อไปว่า สำหรับผู้ที่สนใจจะเข้าร่วมแต่ไม่มีอุปกรณ์หรือยังไม่พร้อม ก็ยังสามารถเข้าร่วมกิจกรรมหรือติดตามได้ตามที่ต้องการผ่านแพลตฟอร์มโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค ซึ่งนักกีฬาผู้นำกลุ่มแต่ละคนนอกเหนือจากจะขี่นำโครงการแล้ว ก็ยังจะไลฟ์สดผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัวของแต่ละคนพร้อมทั้งอธิบายและพูดคุยเรื่องการฝึกซ้อมจักรยานแต่ละช่วงของกิจกรรมระหว่างเวลา 16.00 – 18.00 น. ทั้งสิ้นประมาณ 2 ชั่วโมง
“เสธ.หมึก” กล่าวเสริมอีกว่า สำหรับวัตถุประสงค์ของโครงการ “ปั่นในบ้าน ต้านโควิด” ดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งที่ต้องการส่งเสริมมาตรการลดการแพร่ระบาดของรัฐให้ได้ผลมากที่สุด ในขณะเดียวกัน ก็ยังจะช่วยให้นักกีฬาทีมชาติไทยที่มีภารกิจต้องฝึกซ้อมในสภาพแวดล้อมจำกัดได้เปลี่ยนบรรยากาศโดยใช้วิทยาศาสตร์การกีฬาและเทคโนโลยีออนไลน์มาใช้ อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้แฟน ๆ กีฬาจักรยานหรือนักกีฬาสมัครเล่นได้มีโอกาสสัมผัสกับการฝึกซ้อมในแบบจริงจังของนักกีฬาทีมชาติไทยอย่างใกล้ชิด ข้อดีของการใช้ระบบ MeetUp ในแอปพลิเคชั่น Zwift ก็คือทุกคนที่เข้าร่วมกิจกรรมในแต่ละกลุ่มจะถูกดึงเข้ามารวมในกลุ่มตลอดเวลา ไม่มีการหลุดกลุ่ม ซึ่งหากเป็นในสถานการณ์การฝึกซ้อมจริงแล้ว โอกาสที่นักปั่นสมัครเล่นหรือมือใหม่จะเกาะในกลุ่มนักปั่นระดับสูงตลอดระยะเวลาการฝึกซ้อมนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้
พลเอกเดชา กล่าวอีกว่า โครงการ “ปั่นในบ้าน ต้านโควิด” ของสมาคมกีฬาจักรยานฯ นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ต่าง ๆ เบื้องต้นแล้ว ยังเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับกิจกรรมการแข่งขันออนไลน์ จักรยาน อีสปอร์ต ที่สหพันธ์จักรยานนานาชาติ (ยูซีไอ) เพิ่งจะออกกติกาการแข่งขันฉบับแรกออกมาเผยแพร่และจะเป็นหนึ่งในกิจกรรมการแข่งขันอย่างเป็นทางการของยูซีไอต่อไปในอนาคต
สำหรับผู้ที่มีความประสงค์จะสมัครเข้าร่วมโครงการ และต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ให้แจ้งความประสงค์ และส่งคำถามไปที่ “กล้องข้อความ” เฟซบุ๊คแฟนเพจ ของสมาคมกีฬาจักรยานฯ Thaicycling Association ซึ่งจะมีแอดมิน มาตอบคำถามให้ความกระจ่างแก่ทุกคน

ร่วมแสดงความคิดเห็น