เหมืองแม่เมาะ” ปฏิบัติต่อเนื่อง ยกระดับมาตรการป้องกันควบคุม การแพร่ระบาด COVID-19

นับเป็นเวลานานกว่าเกือบ 2 เดือน ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2563 เป็นต้นมา ที่ “เหมืองแม่เมาะ” ได้ดำเนินมาตรการเฝ้าระวังป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อ COVID-19 มาอย่างเข้มข้นและครอบคลุมในทุกมิติ สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลที่ได้ประกาศให้ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 “COVID-19” เป็นวาระแห่งชาติ รวมถึงรองรับมาตรการจังหวัดลำปาง และของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ซึ่งได้กำชับผู้ปฏิบัติงาน ลูกจ้าง และบริษัทคู่สัญญา ให้เฝ้าระวังป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้ออย่างเต็มที่และต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าขณะนี้ในเขตพื้นที่เหมืองแม่เมาะ จะยังไม่พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อ “COVID-19” ก็ตาม
นายอำพล กิติโชตน์กุล ผู้ช่วยผู้ว่าการเหมืองแม่เมาะ เปิดเผยว่า การไฟฟ้าแห่งประเทศไทย (กฟผ.)แม่เมาะ ทั้งในส่วนของเหมืองแม่เมาะ และโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ถือเป็นอีกหนึ่งพื้นที่สำคัญของจังหวัดลำปาง ในการเฝ้าระวังป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ “COVID-19” เนื่องจากเป็นสถานประกอบการที่มีปริมาณผู้ปฏิบัติงานจำนวนมาก และยังเป็นพื้นที่ความมั่นคงทางด้านพลังงาน เป็นแหล่งผลิตกระแสไฟฟ้าของประเทศ โดยเหมืองแม่เมาะ มีภารกิจหลักในการจัดหาถ่านหินลิกไนต์ส่งให้กับโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เพื่อทำการผลิตกระแสไฟฟ้าตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้นการดูแลป้องกันผู้ปฏิบัติงานให้อยู่รอดปลอดภัย จากโรคติดเชื้อไวรัส “COVID-19” จึงถือเป็นหัวใจหลักสำคัญขององค์กร ที่ต้องปฏิบัติในช่วงภาวะวิกฤตที่จำต้องเผชิญอยู่ในปัจจุบัน
โดยจนถึงขณะนี้ (กฟผ.)แม่เมาะ ยังคงเข้มข้นในทุกๆ มาตรการ เพื่อเฝ้าระวังป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ “COVID-19” ทั้งการกำหนดให้มีการจัดตั้งด่านจุดตรวจบนถนนสายหลัก เส้นทางผ่านภายในเขตพื้นที่เหมืองแม่เมาะ ควบคุมการเดินทางทั้งบุคลากรเจ้าหน้าที่ของ กฟผ. บุคลากรหน่วยงานภายนอก รวมถึงประชาชนทั่วไป ซึ่งทุกคนที่จะเดินทางผ่านเข้ามายังเหมืองแม่เมาะ จะต้องถูกคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ตั้งแต่บริเวณด่านทางเข้า หากตรวจพบว่ามีอุณหภูมิร่างกายเกินกว่า 37.5 °C เจ้าหน้าที่จะให้หยุดพักการเดินทางเพื่อรอตรวจซ้ำ และหากยังพบว่าอุณหภูมิร่างกายยังคงสูงอยู่ เจ้าหน้าที่ฯ จะนำตัวบุคคลนั้นส่งกองการแพทย์แม่เมาะ เพื่อเข้าสู่กระบวนการคัดกรองต่อไป
ส่วนในเขตเส้นทางย่อยได้กำหนดจัดตั้งด่านจุดตรวจอยู่ที่บริเวณเกาะลอย ซึ่งจะใช้เป็นเส้นทางเข้าพื้นที่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น (ห้ามออกเด็ดขาด) ในช่วงเวลา 07.30 – 08.30 น. หลังจากนั้นจึงจะเปิดให้เข้า-ออกได้ตามปกติ นอกจากนี้ ได้กำหนดจัดตั้งด่านจุดตรวจอยู่ที่บริเวณป้อม 500 ซึ่งจะอนุญาตให้เฉพาะรถบริการ รับ-ส่ง ผู้ปฏิบัติงาน เข้ามายังเขตพื้นที่เท่านั้น และจะเปิดด่านเฉพาะช่วงเวลา 07.00 – 08.00 น. โดยให้ผู้ที่ใช้บริการรถรับ-ส่ง ทุกคนจะต้องตรวจวัดอุณหภูมิก่อนขึ้นรถ และสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา รวมถึงให้เว้นระยะห่างในการนั่งโดยสารอย่างน้อย 1 เมตร ส่วนการเดินทางออกจากเขตพื้นที่ให้ใช้เส้นทางผ่านทางด่านศูนย์ลิกไนต์ เพียงเส้นทางเดียวตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับในส่วนพื้นที่ปฏิบัติงาน ได้กำหนดให้มีจุดคัดกรองบุคคลผู้ที่ผ่านเข้าออกในบริเวณเขตพื้นที่ โดยเฉพาะกับบุคลากรผู้ปฏิบัติงานที่อยู่ภายในอาคารที่ทำการเหมืองแม่เมาะและพื้นที่โดยรอบ
พร้อมทั้งจัดตั้งจุด Safe Zone ให้ผู้ปฏิบัติงานเป็นกะในเขตพื้นที่เหมืองแม่เมาะ ได้เข้ามาพักอยู่อาศัยตลอดระยะเวลาที่ปฏิบัติงาน เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ และลดการเคลื่อนย้ายของกลุ่มคน ขณะเดียวกันได้นำมาตรการอื่นๆ เข้ามาใช้เสริมมาตรการหลัก เช่น มาตรการจัดเตรียมทีมสำรองเสริม กรณีตรวจพบบุคลากรหลักติดเชื้อ “COVID-19”, มาตรการปฏิบัติงานจากที่พักอาศัย (Work from Home) เพื่อลดจำนวนผู้ปฏิบัติงานลดความแออัดในพื้นที่, มาตรการงดหรือชะลอการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัด ตามประกาศจังหวัดลำปาง, มาตรการรักษาระยะห่างในพื้นที่ส่วนรวม (Social Distancing) อยู่ห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร รวมทั้งให้จัดหาอุปกรณ์เวชภัณฑ์เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ เช่น เจลแอลกอฮอล์สำหรับล้างมือ, หน้ากากอนามัย และสเปรย์แอลกอฮอล์ สำหรับทำความสะอาดพื้นผิววัสดุต่างๆ เป็นต้น
ซึ่งทุกมาตรการที่กำหนดใช้ ผู้ช่วยผู้ว่าการเหมืองแม่เมาะ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า (กฟผ.) แม่เมาะ จะยังคงความเข้มข้นต่อเนื่องต่อไปจนกว่าสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 “COVID-19” จะคลี่คลายกลับสู่ภาวะปกติ และรัฐบาล รวมถึง กฟผ. ได้ประกาศยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉิน ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน รวมถึงประชาชนทุกคนที่จะเดินทางเข้ามาภายในเขตพื้นที่ ตลอดจนเพื่อเป็นการร่วมแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม โดยยืนยันว่า (กฟผ.) แม่เมาะ จะทำทุกมาตรการเพื่อรักษาเสถียรภาพด้านการพลังงาน โดยจะไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการใช้กระแสไฟฟ้าในภาพรวมของพี่น้องประชาชนทั่วทั้งประเทศแน่นอน

ร่วมแสดงความคิดเห็น