เดือดร้อนหนักผู้ลี้ภัยเกือบ 3 พันชีวิต ขาดแคลนข้าวสาร รวมทั้งเครื่องอุปโภค-บริโภค จำเป็นต่อการดำรงชีวิต

วันนี้ 14 เม.ย 63 ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตามชุมชนริมแม่น้ำสาละวิน รัฐกะเหรี่ยงฝั่งประเทศเมียนมา กำลังเดือดร้อนหนัก เนื่องจากมาตรการปิดจุดผ่อนปรน และห้ามเรือวิ่งในแม่น้ำสาละวิน ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

นายสันติพงษ์ มูลฟอง ผู้จัดการมูลนิธิเครือข่ายสถานะบุคคล และศูนย์พัฒนาเครือข่ายเด็กและชุมชน จ.แม่ฮ่องสอน ได้เปิดเผยว่า จากตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา องค์กรฯได้ทำงานในพื้นที่ชายแดนสาละวิน จนล่าสุดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้มีการสั่งปิดชายแดนจุดผ่อนปรนทุกช่องทาง โดยเฉพาะด่านผ่อนปรนชั่วคราว บ้านแม่สามแลบ ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จนชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตามชุมชนริมแม่น้ำสาละวิน ฝั่งประเทศเมียนมา และค่ายผู้พลัดถิ่น (IDP) กำลังเดือดร้อนหนักเนื่องจากการปิดชายแดนจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ชาวบ้านไม่สามารถเดินทางมาซื้อข้าวสารและของใช้ที่จำเป็นได้ ซึ่งตนได้รับจดหมายจากผู้นำค่ายผู้พลัดถิ่นรัฐกะเหรี่ยง ติดต่อมาขอให้ประสานงาน เพราะค่ายผู้อพยพอิตูท่า กำลังลำบากจึงขอความช่วยเหลือจากฝั่งไทย เนื่องจากที่ผ่านมาผู้พลัดถิ่นได้อาศัยพึ่งพิงปัจจัยในการดำรงชีพจากฝั่งไทยทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ข้าวสาร อาหาร และยา ซึ่งเมื่อทางประเทศไทยปิดจุดผ่อนปรนมานานกว่า 3 อาทิตย์ ทำให้หลายครอบครัวเริ่มประสบปัญหาขาดแคลนข้าวสาร อาหารแห้ง โดยเฉพาะเด็กๆ ที่ค่ายอิตุท่า รัฐกระเหรี่ยง มีจำนวน 529 คน
ทั้งนี้ข้อความในจดหมายของ นาย ซอโซขื่อ( จ้อปู) ผู้นำค่ายผู้พลัดถิ่นอิตุท่า ได้ส่งมาเพื่อให้ประสานกับรัฐบาลไทย โดยเขียนเป็นภาษากะเหรี่ยงมีเนื้อหาระบุว่า ต้องการขอความช่วยเหลือ และแจ้งสถานการณ์เพื่อที่ท่านจะเป็นปากเป็นเสียง ให้แก่พวกเราผู้อพยพทุกๆ คน ตามที่สถานการณ์ตอนนี้โลกกำลังเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 พวกเราผู้พลัดถิ่นได้รับผลกระทบหลายด้าน พี่น้องชาวบ้านไม่สามารถเดินทางไปไหนได้ ไม่สามารถออกไปรับจ้าง หรือหารายได้มาเลี้ยงดูแลครอบครัวได้ ปัญหาที่จำเป็นเร่งด่วนขณะนี้คือ ขาดแคลนข้าวสาร เพราะไม่มีคนขาย “พ่อค้าแม่ค้าที่เคยมาขายก็ไม่สามารถนำข้าวสารมาขายได้ ทางเราจะเดินทางไปซื้อที่บ้านแม่สามแลบ ก็ไม่สามารถไปได้ เนื่องจากคำสั่งปิดการเดินเรือและการเดินทาง เราจึงขอวิงวอนให้ผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการเจรจา หรือมีนโยบายผ่อนปรนสำหรับพวกเรา เพื่อที่พวกเราจะได้มีข้าวกิน คือ อนุญาตให้เดินเรือส่งข้าวสาร และอาหารจากหมู่บ้านแม่สามแลบ สัปดาห์ละ1 ครั้ง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ตอนนี้ในค่ายมีสมาชิกทั้งหมด 2,374 คน จำนวน 335 ครัวเรือน ซึ่งเป็นเด็ก 529 คน
นายสันติพงษ์ มูลฟอง ผู้จัดการมูลนิธิเครือข่ายสถานะบุคคลฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า หนังสือร้องขอดังกล่าวฯได้ถูกส่งไปยัง ศูนย์ประเมินสถานการณ์และผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (โควิด-19) จ.แม่ฮ่องสอน สำหรับแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวฯ เบื้องต้นเพื่อให้เป็นไปตามหลักมนุษยธรรม โดยอาศัยแม่น้ำสาละวินซึ่งเป็นแม่น้ำสากล สามารถอนุญาตให้เรือมารับข้าวสาร โดยนำเรือมาเทียบฝั่งไทยแล้วขนข้าวลงเรือ แต่ไม่ให้คนในค่ายฯขึ้นมาฝั่งไทย เพื่อไม่ให้ผิดเงื่อนไข ณ วันนี้เรื่องดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการรอแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจน จึงขอวอนไปยังผู้มีอำนาจตัดสินใจในระดับจังหวัดหรือระดับประเทศช่วยเหลือเยียวยาตามหลักมนุษยธรรมด้วย
ทางด้าน นายพงษ์พิพัฒน์ มีเบญจมาศ ผู้ประสานงานเครือข่ายลุ่มน้ำสาละวิน จ.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ขณะนี้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตามชุมชนริมแม่น้ำสาละวิน กำลังเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากมาตรการปิดด่านและห้ามเรือวิ่งในแม่น้ำสาละวิน ตามคำสั่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด- 19 โดยแม่น้ำสาละวินเป็นเส้นทางคมนาคมหลักสายเดียว ที่ชาวบ้านใช้เชื่อมต่อกัน เนื่องจากไม่มีทางรถยนต์ที่เดินทางไปถึงทุกหมู่บ้าน รวมถึงการข้ามฝั่งไปยังรัฐกะเหรี่ยง เพื่อไปมาหาสู่กันเนื่องจากพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ทั้งสองฟากฝั่งต่างเป็นญาติพี่น้องกัน เมื่อมีคำสั่งปิดทำให้ทุกอย่างหยุดชะงักไปหมด โดยที่ผ่านมาทางองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)แม่สามแลบ ได้มีข้อเสนอให้ผ่อนปรนบ้าง เพราะชาวบ้านต้องการข้าวสาร ที่สำคัญคือเมื่อเกิดการเจ็บป่วยในกรณีฉุกเฉินที่ต้องไปโรงพยาบาล หากไม่มีเส้นทางเรือก็จะทำให้ชาวบ้านไม่สามารถเดินทางได้

ร่วมแสดงความคิดเห็น