สถานการณ์โควิด-19 ของเชียงใหม่ดีขึ้นมาก ล่าสุดเหลือผู้ป่วยรักษาตัวเพียง 4 ราย และไม่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มมาหลายสัปดาห์ 

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 1 พ.ค. 63 รายงานข่าวแจ้งว่าที่ห้องศูนย์ข้อมูลข่าวสารเฉพาะกิจ จ.เชียงใหม่ อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายแพทย์ชาญชัย พจมานวิพุธ รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ 1 โรงพยาบาลนครพิงค์ ได้แถลงข่าวเปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ประจำวันที่ 1 พ.ค. 63 เพื่อรายงานให้ประชาชนรับทราบถึงสถานการณ์โดยทั่วกัน

สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ประจำวันที่ 1 พ.ค. 63 โดยภาพรวมประเทศไทยมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมา 6 ราย ซึ่งยังคงเป็นเลขหลักเดียวเป็นการบ่งบอกว่าประเทศไทยยังคงมีการเฝ้าระวังและการป้องกันที่ดี และมีผู้ป่วยติดเชื้อรวมทั้งหมด 2,960 ราย ซึ่งในจำนวนดังกล่าวมีผู้เสียชีวิต 54 ราย คิดเป็น 1.8 เปอร์เซ็นต์ โดยถือเป็นอัตราส่วนที่ยังรับได้และจะให้ดีต้องพยายามให้ลดลงโดยการมีจำนวนเคสที่เพิ่มขึ้นในทุกวันให้มีปริมาณลดลงในระดับประเทศ

ขณะที่ในส่วนของสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ขณะนี้นั้น ยังคงไม่มีรายงานการพบผู้ป่วยเพิ่มเติมแต่อย่างใด และยังคงมีผู้ป่วยติดเชื้อรวมทั้งหมด 40 ราย และมีผู้ป่วยที่รักษาตัวในโรงพยาบาลเพียง 4 ราย เสียชีวิต 1 ราย ส่วนจำนวนผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์เฝ้าระวังมีจำนวนทั้งหมด 1,346 ราย กลับบ้านแล้ว 1,277 ราย และยังอยู่ในโรงพยาบาลอีก 69 ราย ส่วนผู้ที่เดินทางมาจากกรุงเทพและปริมณฑลเข้ามาในจังหวัดเชียงใหม่ รวมขณะนี้มีจำนวน 16,304 ราย มีการติดตามครบ 14 วันแล้ว 15,375 ราย และมีผู้ที่เดินทางจากเขตโรคติดต่ออันตรายและพื้นที่ระบาดต่อเนื่องจำนวน 1,509 ราย และติดตามครบทุกราย และตอนนี้มีผู้ที่อยู่ใน Local Quarantine จำนวน 2 ราย ตามโรงแรมแห่งละ 1 ราย

นายแพทย์ชาญชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของจำนวนรายคนไข้ที่ค้างอยู่ 4 ราย ซึ่งเป็นรายเดิมโดยเป็นชาวดัตซ์กับภรรยา ที่ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล และอีก 2 รายเป็นผู้ป่วยที่มีประวัติติดเชื้อมาจากผับ คือรายที่ 613 และรายที่ 693 ซึ่งที่กล่าวมาคือ 4 รายที่ยังอยู่ในโรงพยาบาล ซึ่งจะเห็นได้ว่าภาพรวมสถานการณ์ในจังหวัดเชียงใหม่นั้น เริ่มดีขึ้น ประชาชนเริ่มผ่อนคลายสบายใจขึ้น แต่อย่างไรก็ตามประชาชนทุกคนยังคงต้องมีความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกันในวันพรุ่งนี้ (2 พ.ค. 63) จะมีการประชุมในส่วนของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดอีกครั้ง เพื่อหารือและคาดว่าน่าจะได้ข้อสรุป ในการแจงเรื่องที่จังหัดจะมีมาตรการอย่างไรกับการผ่อนปรน ผ่อนคลายมาตรการลง และนำไปสู่ประเด็นที่ว่าจะมีวิธีการอย่างไรบ้าง และอยากฝากด้วยว่าขณะนี้สถานการณ์ของจังหวัดถึงจุดหนึ่งที่เริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว โดยในโรงพยาบาลนครพิงค์ก็พบว่าจากช่วงประมาณเดือนมีนาคม จนถึง เมษายน จำนวนคนไข้ที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลมีปริมาณลดลงมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงต้องมีการวางแผนการใช้ชีวิตใหม่เพื่อเป็นการดูแลตัวเองและผู้ป่วย โดยต้องขอความร่วมมือประชาชนในการคงเข้มข้นในเรื่องของการปฏิบัติตัวให้อยู่ในการเฝ้าระวังและป้องกันการติดเชื้อ

ร่วมแสดงความคิดเห็น