เจอตัวแล้ว ! หนุ่มขับกระบะพุ่งชนตำรวจจราจร อ้างเครียดปัญหาส่วนตัว โดนข้อหา พยายามทำร้ายเจ้าหน้าที่

วันที่ 8 พ.ค. 63 รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีเพจสถานีตำรวจภูธรสารภี เผยคลิปภาพ รถยนต์กระบะ อีซูซุสีขาว ไม่พอใจ ดาบตำรวจ ธีรพล กันตรีสมบัติ ตำรวจจราจร ที่ส่งสัญญาณมือตักเตือน เนื่องจากพบว่าใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ ซึ่งชายวัยรุ่นคนขับรถคันดังกล่าว แม้จะเห็นตำรวจส่งสัญญาณ แต่ก็ไม่ยอมวางโมรศัพท์ กลับขับรถพุ่งเข้าใส่เจ้าหน้าที่ โชคดีที่ ดาบตำรวจธีระพล เบี่ยงตัวหลบได้ทัย พร้อมเอามือยันไปโดนกระจกข้างและโชคดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่รถคันดังกล่าวจะขับหลบหนีมุ่งหน้าไปทางจังหวัดลำพูน เหตุเกิดช่วงเย็นวานนี้ บริเวณทางตัดรถไฟยางเนิ้งฝั่งตะวันออก อ.สารภี หลังเกิดเหตุ ด.ต.ธีรพล ได้รายงานผู้บังคับบัญชา พร้อมกับได้แจ้งความไว้กับพนักงานสอบสวน ขณะที่แอดมินเพจของโรงพักได้โพสต์คลิปภาพ เพื่อติดตามหาตัวชายคนขับรถดังกล่าว

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : (มีคลิป) ไม่พอใจ ! ขับรถพุ่งเฉี่ยวชนตำรวจ หลังถูกเตือนห้ามใช้มือถือขณะขับรถ 

ล่าสุดวันนี้ (8 พ.ค.) ชุดสืบสวนตรวจสอบข้อมูลทะเบียนรถจนพบว่าผู้ที่ขับรถคันดังกล่าวคือนายจิรเวช เนตรรัศมี อายุ 37 ปี เป็นช่างไฟฟ้าของบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้ายี่ห้อดัง จึงโทรศัพท์เรียกให้มาพบพนักงานสอบสวน เมื่อเข้าพบนายจิรเวชได้กล่าวขอโทษ ด.ต.ธีระพล โดยอ้างว่าตอนเกิดเหตุกำลังเครียดปัญหาส่วนตัวและไม่ได้มีเจตนาจะชนตำรวจ อย่างไรก็ตามนายจิรเวชยังไม่ยอมรับทราบข้อกล่าวหา โดยจะขอไปปรึกษาทนายความก่อน ขณะที่พนักงานสอบสวนนัดให้มาพบและแจ้งข้อกล่าวหาอีกครั้งในวันที่ 15 พ.ค. นี้
พ.ต.ต.วินัย รวิเดช พนักงานสอบสวน เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบปากคำ ด.ต.ธีระพล ส่วนคู่กรณีนัดหมายมาอีกครั้ง ส่วนพฤติกรรมทางคดี แม้ ด.ต.ธีรพล จะยอมความไม่เอาเรื่อง แต่กรณีที่เกิดขึ้นถือเป็นคดีอาญาซึ่งในเบื้องต้นเตรียมแจ้งข้อหาพยายามทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ แต่หากสอบสวนแล้วพบว่ามีเจตนามากกว่านั้น อาจเพิ่มเป็นข้อหาพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน นอกจากนี้จะมีข้อหาใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถอีกด้วยด้าน ด.ต.ธีระพล เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นวินาทีเฉียดตาย เพราะชายคนดังกล่าวพุ่งรถมาจนเกือบชน ห่างตัวไปไม่ถึงช่วงแขน โชคดีที่หลบทัน และ เมื่อผ่านไปก็ไม่มีท่าทีหรือเจตนาทีจะจอดรถลงมาดู กลับขับหลบหนี ถือว่ามีเจตนาจะทำร้ายให้เจ้าหน้าที่บาดเจ็บ ซึ่งเรื่องนี้ได้ให้ปากคำเบื้องต้นกับพนักงานสอบสวนไปแล้ว ส่วนที่เหลืออยู่ที่ดุลพินิจของพนักงานสอบสวนว่าจะดำเนินคดีอย่างไร

ร่วมแสดงความคิดเห็น