กฟผ.แม่เมาะ ยังคงมาตรการเข้มเฝ้าระวังป้องกัน COVID-19 แม้เริ่มผ่อนปรนจุด “Safe Zone”

นับเป็นเวลานานกว่าสามเดือน ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2563 เป็นต้นมา ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แม่เมาะ ได้ดำเนินมาตรการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ “COVID-19” มาอย่างเข้มข้น และครอบคลุมในทุกมิติ สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลที่ได้ประกาศให้ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ “COVID-19” เป็นวาระแห่งชาติ โดย (กฟผ.) แม่เมาะ นับเป็นสถานประกอบการขนาดใหญ่ที่มีปริมาณผู้ปฏิบัติงานจำนวนมาก และยังเป็นพื้นที่ความมั่นคงทางด้านพลังงานของประเทศ เป็นแหล่งผลิตกระแสไฟฟ้าตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้นการดูแลป้องกันผู้ปฏิบัติงานให้อยู่รอดปลอดภัยจากโรคติดเชื้อ “COVID-19” จึงถือเป็นหัวใจหลักสำคัญขององค์กร

ซึ่งในการดูแลป้องกันผู้ปฏิบัติงาน ดังกล่าว (กฟผ.) แม่เมาะ ได้มีการนำมาตรการเฝ้าระวังป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อ “COVID-19” เข้ามาใช้อย่างเข้มข้น ภายใต้แผนปฏิบัติการ ZERO COVID ซึ่งมีเป้าหมายกำหนดให้พื้นที่โรงไฟฟ้าและเหมืองแม่เมาะ ต้องเป็นเขตพื้นที่ปลอดเชื้อ “COVID-19” ร้อยเปอร์เซ็นต์ เนื่องจากหากมีพนักงานเพียงคนหนึ่งคนใดติดเชื้อ ย่อมจะส่งผลต่อพนักงานคนอื่นๆ อีกหลายคน ที่จะต้องหยุดพักงานเพื่อกักตัวเฝ้าดูอาการเป็นระยะเวลา 14 วัน โดยอาจส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงกำลังคนเจ้าหน้าที่ที่ต้องควบคุมสั่งการการเดินเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้า ดังนั้นเพื่อให้มั่นใจได้ว่าคนไทยต้องมีไฟฟ้าใช้อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง แม้จะอยู่ในท่ามกลางสภาวการณ์ที่วิกฤต โรคติดเชื้อ “COVID-19” กำลังแพร่ระบาด การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แม่เมาะ จึงกำหนดให้พื้นที่โรงไฟฟ้าและเหมืองแม่เมาะเป็นจุด Safe Zone สั่งการให้พนักงานที่เกี่ยวข้อง กับการสั่งการเดินเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้า จะต้องกักตัวเองอยู่ภายในบริเวณพื้นที่ Safe Zone ตลอด 24 ชั่วโมง

โดยในการปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าว นายประเสริฐ พนมเกียรติศักดิ์ วิศวกรระดับ 11 ฝ่าย การผลิตโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ได้กล่าวว่า โรงไฟฟ้าแม่เมาะเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนขนาดใหญ่ ใช้ถ่านหินลิกไนต์เป็นเชื้อเพลิง ปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 2,455 เมกกะวัตต์ และในแต่ละวันทางโรงไฟฟ้าจะต้องทำการเดินเครื่องเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งการเดินเครื่องมีความจำเป็นต้องมีผู้ปฏิบัติงานคอยควบคุมดูแลอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นพนักงานที่เกี่ยวข้องกับการสั่งการเดินเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้า จึงมีความสำคัญมากที่สุดเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวิกฤตที่โรคติดเชื้อ “COVID-19” กำลังแพร่ระบาด โดยนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2563 เป็นต้นมา (กฟผ.) แม่เมาะ ได้กำหนดจัดตั้งจุด Safe Zone ขึ้น เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานเป็นกะในเขตพื้นที่โรงไฟฟ้าและเหมืองแม่เมาะ ที่ผ่านการคัดกรองแล้ว ได้เข้าไปพักอยู่อาศัยภายในบริเวณพื้นที่ตลอดระยะเวลาที่ปฏิบัติงาน เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ โดยในการปฏิบัติพนักงานทั้งหมดจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ชุด ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันทำงานเป็นกะ ๆ ละ 8 ชั่วโมง และตลอดเวลาที่ต้องปฏิบัติงานอยู่ภายในพื้นที่ Safe Zone พนักงานจะได้รับการดูแลเป็นพิเศษทั้งเรื่องอาหาร การเดินทาง การดูแลสุขภาพทั้งด้านร่างกาย ด้านจิตใจ รวมไปถึงเรื่องอื่น ๆ ตามความเหมาะสม

ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบันที่พบว่าในประเทศไทยเริ่มมีแนวโน้มพบผู้ติดเชื้อลดลงอย่างต่อเนื่อง และในพื้นที่จังหวัดลำปางเอง ไม่พบรายงานผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคติดต่อกันมาเป็นระยะเวลานานกว่า 30 วันแล้ว โดยในสภาพการณ์ที่ดีขึ้นดังกล่าว นายประเสริฐฯ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ทาง (กฟผ.) แม่เมาะ ได้มีการผ่อนปรนจุด Safe Zone เปิดให้พนักงานที่ปฏิบัติงานภายในบริเวณพื้นที่ สามารถเดินทางกลับบ้านไปหาครอบครัว และเดินทางกลับมาทำงานตามช่วงเวลาปกติได้แล้ว แต่อย่างไรก็ตามยังคงให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อ “COVID-19” ต่อไป ทั้งการคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิ การสวมใส่หน้ากากอนามัย การหมั่นล้างมือให้สะอาด และการรักษาระยะห่างในพื้นที่ส่วนรวม (Social Distancing) เป็นต้น นอกจากนี้ให้ยังคงพื้นที่จุด Safe Zone ไว้ เพื่อให้พนักงานที่เกี่ยวข้องกับการสั่งการเดินเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้า สามารถเข้าไปพักอาศัยและปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมงได้ทันที เผื่อว่าสถานการณ์โรคติดเชื้อ “COVID-19” จะกลับมารุนแรงอีกครั้ง

ร่วมแสดงความคิดเห็น