ปภ.รายงานเกิดวาตภัย 11 จังหวัด คลี่คลายแล้วทุกจังหวัด เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย

18 พ.ค. 63 กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานในช่วงวันที่ 14 พ.ค. 2563 ถึงปัจจุบัน (17 พ.ค. 63) มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง 11 จังหวัด แยกเป็น ภาคเหนือ 3 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย แพร่ พิษณุโลก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ สุรินทร์ และนครราชสีมา ภาคกลาง 3 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์ สิงห์บุรี และชัยนาท ภาคตะวันออก ได้แก่ จังหวัด ฉะเชิงเทรา รวม 27 อำเภอ 51 ตำบล 131 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 1,305 หลัง ผู้เสียชีวิต 1 ราย ปัจจุบันสถานการณ์ภัยคลี่คลายแล้วทุกจังหวัด ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหาร จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว

นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า อิทธิพลความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับมีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงเหนือพัดนำความชื้นปกคลุม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง และภาคเหนือตอนล่าง ทำให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงในช่วงวันที่ 14 พ.ค. 2563 ถึงปัจจุบัน (18 พ.ค. 63) ซึ่งมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 11 จังหวัด รวม 27 อำเภอ 51 ตำบล 131 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 1,305 หลัง ผู้เสียชีวิต 1 ราย แยกเป็น

ภาคเหนือ 3 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย แพร่ พิษณุโลก รวม 3 อำเภอ 5 ตำบล 25 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 479 หลัง

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ สุรินทร์ และนครราชสีมา รวม 13 อำเภอ 19 ตำบล 41 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 273 หลัง

ภาคกลาง 3 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์ สิงห์บุรี และชัยนาท รวม 9 อำเภอ 24 ตำบล 59 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 463 หลัง

ภาคตะวันออก ได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา รวม 2 อำเภอ 3 ตำบล 6 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 90 หลัง ปัจจุบันสถานการณ์ภัยคลี่คลายแล้วทุกจังหวัด

ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว โดยแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค กระเบื้องมุงหลังคา และวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัย รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือ ตามระเบียบกระทรวงการคลัง ทั้งการชดเชยความเสียหายของบ้านเรือนเป็นวัสดุก่อสร้าง หรือจ่ายเงินช่วยเหลือตามความเหมาะสม อีกทั้งจ่ายเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้เสียชีวิตตามระเบียบหลักเกณฑ์ ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น