(มีคลิป) ชลประทาน นำทีมเร่งสำรวจพื้นที่ อ.จอมทอง เชียงใหม่ และ อ.บ้านโฮ่ง ลำพูน

วันที่ 16 มิ.ย. 63 รายงานข่าวแจ้งว่า ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน  มอบหมายให้ นายสุรชาติ มาลาศรี ผู้อำนวยการสำนักบริหารโครงการ พร้อมคณะ ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการจัดทำแผนการพัฒนาและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างเป็นระบบ โครงการพัฒนาเบ็ดเสร็จลุ่มน้ำสาขาแม่น้ำปิง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งเป็นโครงการที่ดำเนินการครอบคลุมพื้นที่อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน พร้อมทั้งนำคณะสื่อมวลชนเข้าร่วมสำรวจพื้นที่ในการเตรียมดำเนินการ ณ อ่างเก็บน้ำห้วยปุ๊ตอนบน, ห้วยปุ๊ตอนล่าง และอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำอุ่นหรืออ่างเก็บน้ำห้วยนิคม

โดยทาง ผู้อำนวยการสำนักบริหารโครงการ กล่าวว่า เพื่อสนองพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่มีพระราชหฤทัยอันมุ่งมั่นในการสืบสาน รักษา และต่อยอด พระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้แก่พสกนิกรของพระองค์ กรมชลประทานน้อมนำพระราชปณิธานมาเป็นแนวทางในการดำเนินงานปรับปรุงโครงการ

ผู้อำนวยการสำนักบริหารโครงการ กล่าวต่อว่า โครงการพัฒนาเบ็ดเสร็จลุ่มน้ำสาขาแม่น้ำปิง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2526 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ราษฎรมีที่ดินทำกินและมีแหล่งน้ำสำหรับทำการเกษตร และอุปโภคบริโภคได้ตลอดปี มีงานทำในท้องถิ่นของตนเองและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น พร้อมทั้งฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้และสภาพแวดล้อมในพื้นที่โครงการให้มีความอุดมสมบูรณ์ โดยมีแหล่งเก็บกักน้ำที่ก่อสร้างมานานถึง 37 ปี ประกอบด้วยอ่างเก็บน้ำ 22 แห่ง บ่อบาดาล 42 บ่อ สระเก็บน้ำ 24 แห่ง ประตูระบายน้ำ 4 แห่ง และสถานีสูบน้ำจากแม่น้ำปิงอีก 8 แห่ง

สามารถสนับสนุนพื้นที่เกษตรกรรมได้ 2 จังหวัด 3 อำเภอ 4 ตำบล ประกอบด้วย ต.บ้านโฮ่ง ต.หนองปลาสวาย อ.บ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน ต.บ้านแปะ ต.แม่สอย อ.จอมทอง และ ต.บ้านตาล อ.ฮอด จังหวัดเชียงใหม่ สภาพโดยรวมในปัจจุบันอ่างเก็บน้ำชำรุดทรุดโทรมอย่างมาก บางแห่งมีปัญหาการรั่วซึม จึงไม่สามารถกักเก็บน้ำไว้ได้ บางแห่งตัวอ่างมีลักษณะตั้งฉากกับแนวฝนในพื้นที่ ทำให้ไม่สามารถเก็บน้ำได้เต็มความจุ รวมถึงหัวงานบางแห่งไม่มีอาคารประกอบ และระบบส่งน้ำเดิมที่ใช้อยู่เกิดการชำรุดและใช้งานได้ไม่ดี ทำให้ไม่สามารถเก็บกักน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพตามความจุอ่างที่มีอยู่ ส่งผลให้ในพื้นที่ทั้ง 4 ตำบล ประสบปัญหาภัยแล้งเกือบทุกปี

การปรับปรุงโครงการครั้งนี้ ได้น้อมนำแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาเป็นแนวทาง เช่น การเชื่อมโยงอ่างเก็บน้ำเป็นอ่างเก็บน้ำพวงหรืออ่างพวง เนื่องจากพื้นที่รับน้ำของแต่ละอ่างเก็บน้ำจะไม่เท่ากัน และพื้นที่ที่สร้างอ่างเก็บน้ำได้ก็อาจไม่เหมาะสมกับปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมา อ่างเก็บน้ำบางแห่งจึงมีปริมาณน้ำมากเกินจนล้น และอ่างเก็บน้ำบางแห่งก็มีปริมาณน้ำน้อยจนไม่เพียงพอกับความต้องการ เมื่อเชื่อมโยงอ่างเก็บน้ำก็สามารถระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำที่มีน้ำมากไปสู่อ่างเก็บน้ำที่มีน้ำน้อย ทำให้การใช้น้ำเกิดประโยชน์สูงสุด

การเพิ่มความจุอ่างเก็บน้ำโดยการขุดลอก เสริมความสูงของอาคารระบายน้ำล้น โดยไม่มีการรุกล้ำพื้นที่ป่าไม้ และใช้งบประมาณน้อย รวมถึงการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการเดินเครื่องสูบน้ำ เป็นการใช้พลังงานทดแทนที่มีตามธรรมชาติให้เกิดประโยชน์

ส่วนการดูแลรักษาโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ให้เกิดความยั่งยืน กรมชลประทานเห็นถึงปัญหาของโครงการ จึงมอบหมายให้ กลุ่มบริษัทที่ปรึกษาประกอบด้วย บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท โพธิศิรินทร์ ไทยคอนซัลแต๊นท์ จำกัด และ บริษัท ทีแอลที คอนซัลแตนส์ จำกัด ทำการศึกษาหาแนวทางปรับปรุงเพื่อให้สามารถใช้งานได้ดังเดิม โดยการจัดทำแผนแม่บทการปรับปรุงอ่างเก็บน้ำในภาพรวมทั้งหมด และจะคัดเลือกโครงการมาทำการศึกษาความเหมาะสมจำนวน 1 โครงการ เพื่อนำไปดำเนินการให้เกิดผลโดยเร็ว โดยการศึกษาครั้งนี้จะจัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนผู้มีส่วนได้เสียทุกขั้นตอน จำนวน 4 ครั้ง เพื่อให้ได้แผน การปรับปรุงที่เหมาะสมทั้งด้านวิชาการและเป็นที่ยอมรับของประชาชน โดยกรมชลประทานและที่ปรึกษาได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นไปแล้ว 2 ครั้ง

ขณะเดียวกันด้านการต่อยอด การปรับปรุงโครงการให้สามารถใช้งานได้ดีดังเดิมและเกิดประโยชน์ตามพระราชประสงค์ ผลที่ได้จากการศึกษาครั้งนี้ คือรูปแบบในการปรับปรุงอ่างเก็บน้ำทั้ง 22 แห่ง รวมถึงระบบต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น แก้ไขการรั่วซึมของอ่างฯ ปรับปรุงอาคารประกอบที่ชำรุดทรุดโทรม การเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างฯ โดยการเพิ่มระดับเก็บกักน้ำและปรับปรุงทางระบายน้ำล้น การก่อสร้างอ่างเก็บน้ำใหม่ในบริเวณอ่างเก็บน้ำเดิม การปรับปรุงสถานีสูบน้ำ การปรับปรุงระบบท่อส่งน้ำ เป็นต้น โดยประชาชนผู้มีส่วนได้เสียที่เข้าร่วมการประชุมเห็นด้วยกับแนวทางการปรับปรุงโครงการ และพร้อมที่จะจัดตั้งกลุ่มเพื่อร่วมกันบริหารจัดการน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผลจากการปรับปรุงโครงการดังกล่าว จะทำให้มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอีกราว 10 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมปริมาณน้ำกักเก็บได้ 21 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถส่งน้ำให้พื้นที่เกษตรกรรมได้ประมาณ 19,000 ไร่ สร้างรายได้ให้เกษตรกรในพื้นที่โครงการปีละ 217 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 107 ล้านบาทต่อปี ซึ่งตรงนี้จะตอบโจทย์การแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำ ปัญหาภัยแล้งซ้ำซากในพื้นที่อย่างเช่นที่ประสบอยู่ในปีนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม

ร่วมแสดงความคิดเห็น