(มีคลิป) อาจารย์แต่งเพลงชื่อดังของภาคเหนือ เข้าพบ ตร. พร้อมเจรจากับคู่กรณี หลังควงปืนบุกข่มขู่ถึงร้านเหตุหึงหวง

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 23 มิ.ย. 63 รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ สภ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ นายประเสริฐ ฝักฝ่าย หรือประเสริฐ คาร์เนชั่น อายุ 54 ปี อาจารย์นักแต่งเพลงคำเมืองชื่อดังของภาคเหนือ ได้เดินทางเข้าเจรจากับผู้เสียหาย และรับทราบข้อกล่าวหา ภายหลังจากที่ทางเจ้าตัวได้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนข่มขู่คู่กรณี ภายในร้านมินิมาร์ทใกล้กับตลาดนัดข้างวัดแช่ช้าง ต.แช่ช้าง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำเวลาประมาณ 1 ทุ่มกว่า ของวันที่ 21 มิ.ย. 63 ที่ผ่านมา และหลังเหตุการณ์ดังกล่าว ทางด้านคู่กรณี ซึ่งเป็นผู้เสียหายนั้น ได้นำหลักฐานเป็นภาพกล้องวงจรปิดขณะก่อเหตุ เดินทางเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อขอให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย ตามที่ปรากฎเป็นข่าวอออกไปเมื่อวานนี้ (22 มิ.ย. 63) ซึ่งสาเหตุของกรณีที่เกิดขึ้นนั้น เป็นเรื่องปมหึงหวง เนื่องจากเจ้าตัวเข้าใจว่าแฟนสาวนั้น ได้แอบไปมีความสัมพันธ์กับฝ่ายชายคู่กรณีที่ได้ชักปืนข่มขู่

อ่านข่าวก่อนหน้า : อาจารย์นักแต่งเพลงคำเมืองชื่อดัง หึงโหดควงปืนบุกขู่เจ้าของร้านมินิมาร์ท 

โดยทาง นายประเสริฐ คาร์เนชั่น อาจารย์นักแต่งเพลงคำเมืองชื่อดังของภาคเหนือ เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นปรากฎออกไป ตนจึงได้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา และยอมรับว่าได้ก่อเหตุจริง และเป็นบุคคลดังกล่าวที่ปรากฎภายในคลิปจริง แต่ที่ทำลงไปนั้นมีมูลเหตุ และตนก็ไม่อยากไปพูดถึงเรื่องนั้น เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จู่ ๆ ตนจะถือปืนเข้าไปข่มขู่อีกฝ่าย ที่ในขณะนั้นมีคนอยู่ภายในร้าน 3 คน และผู้ชายที่อยู่ในร้านก็คือคู่กรณี แต่เนื่องจากกล้องวงจรปิดนั้นไม่ได้ถ่ายภาพที่มีผู้ชายอยู่ จึงทำให้เกิดภาพที่ตนถือปืนเข้าไปข่มขู่ ไปทะเลาะกับผู้หญิง

แต่ความจริงแล้ว ตนต้องการไปคุยกับฝ่ายชายที่เป็นคู่กรณีคนดังกล่าว ส่วนต้นเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นก็เป็นเรื่องครอบครัวซึ่งมีที่มาที่ไปของมัน และหากไม่มีที่มาที่ไปก็จะไม่มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น ส่วนในวันเกิดเหตุที่ตนเข้าไปในร้านนั้นก็ด้วยความโมโห และไม่ได้ตั้งใจจะเข้าไป แต่จะไปรับลูกที่อยู่ใกล้กับร้านดังกล่าวเท่านั้น แต่พอดีเห็นว่าร้านของคู่กรณีอยู่ใกล้ ๆ จึงเกิดอารมณ์โมโหขึ้นมา ขณะเดียวกันในส่วนของอาวุธปืน ตนก็ยอมรับว่าได้ถืออาวุธปืนเข้าไปในร้านจริง และเรื่องที่มีการเจรจาพูดคุยกันผ่านทางแชทข้อความที่เข้าข่ายข่มขู่นั้น ก็ไม่ได้เป็นการข่มขู่แต่อย่างใด และตนมองว่าเป็นเพียงการพูดคุยกันเท่านั้น เนื่องจากสามารถไปตรวจสอบดูได้ เพราะหลักฐานทุกอย่างอยู่ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว จากนั้นหลังเกิดเหตุตนก็ขับรถกลับบ้าน และไม่ตั้งใจที่จะทำเกินกว่าเหตุแต่อย่างใด และหากจะยิงก็คงไม่เดินเข้าไปให้คู่กรณีเห็นอย่างโจ่งแจ้ง อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ตนกับคู่กรณีก็ได้มีการพูดคุยกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และมีการทำความเข้าใจกันแล้ว ส่วนเรื่องของคดีความก็ให้เป็นไปตามกฎหมายต่อไป

ขณะที่ทางด้านนายกล้า (นามสมมุติ) อายุ 35 ปี เจ้าของร้านมินิมาร์ทที่เกิดเหตุ ได้เล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำวันที่ 21 มิ.ย. เวลาประมาณ 1 ทุ่มกว่า ซึ่งตอนนั้นตนอยู่กับภรรยาและลูกวัย 2 ขวบ และกำลังจะช่วยกันปิดร้าน แต่ระหว่างนั้นคู่กรณีก็ได้เดินเข้ามาภายในร้าน ซึ่งภรรยาของตนก็ได้ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี และเข้าไปสอบถาม เนื่องจากเห็นว่าชายคนดังกล่าวเดินวนเวียนไปมา จากนั้นทางชายคนดังกล่าวก็ได้แสดงตัวว่า ตนคือพี่ประเสริฐ ที่คุยกันในแชท เนื่องจากก่อนหน้านี้ ทางคู่กรณีได้มีการพูดคุยกันในแชทข้อความมาก่อน จากนั้นก็ได้มีการคุยกันเรื่องที่ตนไปมีความสัมพันธ์กับแฟนของคู่กรณี โดยสาเหตุที่ทราบ เพราะว่าแฟนสาวได้ยอมรับแล้วว่า ในวันนั้นได้มีอะไรกันในห้องที่อยู่ภายในร้าน โดยที่ร้านนั้นมีห้องนอนด้วย จากนั้นหลังจากที่คุยกันได้ซักพัก นายประเสริฐ ก็เกิดมีอารมณ์โมโหและได้มีการชักปืนขึ้นมาข่มขู่ ทำให้ตนและภรรยาหวาดกลัว เพราะตอนนั้นลูกก็อยู่ด้วย

ขณะเดียวกันตนเคยรู้จักกับฝั่งคู่กรณีที่ก่อเหตุ แค่ได้เอาลูกมาเรียนกับตน ส่วนกรณีเรื่องที่ทางฝ่ายผู้ก่อเหตุบอกว่าตนไปมีอะไรกับแฟนนั้น ตนขอปฏิเสธว่าตนไม่เคยมีความสัมพันธ์อะไรกันเลยแต่อย่างใด เพียงแต่มีการพูดคุยกันเหมือนคนรู้จักเท่านั้น ส่วนเรื่องที่ฝั่งผู้ก่อเหตุหลงเข้าใจว่ามีความสัมพันธ์กันนั้น ก็เนื่องมาจากมีแชทข้อความหนึ่งที่ทางแฟนของผู้ก่อเหตุมาหาตนที่บ้าน ซึ่งตรงกับช่วงที่ฝั่งผู้ก่อเหตุไม่อยู่ แต่โดยความจริงแล้วไม่ได้มีอะไรเลย และตอนที่แฟนสาวของผู้ก่อเหตุมาหานั้นก็แค่นั่งคุยกัน และลูกตนก็หลับอยู่ ประกอบกับเป็นร้านค้าที่มีลูกค้าเข้าออกตลอด แต่ทางฝั่งผู้ก่อเหตุก็เข้าใจผิดคิดว่าไปแอบมีอะไรกัน ซึ่งภายหลังจากที่ได้มีการเจรจากันก็เข้าใจกันเป็นอย่างดี ซึ่งทางฝั่งผู้ก่อเหตุก็ได้มีการขอโทษแล้ว และตกลงกันว่าต่างฝ่ายจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก ส่วนเรื่องคดีความนั้นก็คงปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม ภายหลังการเข้าเจรจาพูดคุยกันของทั้งสองฝ่ายแล้วนั้น ทางด้าน ร.ต.อ.ทรงศักดิ์ ปัญญาดี รอง สว.(สอบสวน) สภ.สันกำแพง ได้ทำการลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งในเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหากับ นายประเสริฐ ฝักฝ่าย ผู้ก่อเหตุว่า พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และข่มขู่ให้เกิดความหวาดกลัว ซึ่งเจ้าตัวยอมรับสารภาพ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น