สาวร้องสื่อ แฉพฤติกรรมพระเปิดสำนักในเชียงใหม่ ชวนคนเข้าโครงการ อ้างมาจากวัดเส้าหลิน ในเกาหลี สอนวิชาศิลปป้องกันตัว ฝังเข็ม และอบรมสุขภาพ หวั่นเข้าข่ายหลอกลวง ปชช. และเกิดการแพร่ระบาดของโรค วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบ
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 10 ส.ค. 63 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.อร (นามสมมุติ) อายุประมาณ 35 ปี ชาว จ.เชียงใหม่ว่า ในขณะนี้ได้มีบุคคลแอบอ้างว่าเป็นพระมาจากวัดเส้าหลิน ในประเทศเกาหลี ชักชวนให้ประชาชนเข้าร่วมโครงการ “ฝึกอบรมเพื่อสุขภาพหลักสูตรการดูแลรักษาสุขภาพ แบบองค์รวมเข็มทิศชีวิตวิถีแห่งเซ็น” ซึ่งระบุว่าบรรยายโดย “พระอาจารย์ตั๊กม้อ ชีฟู วัดเส้าหลิน เกาหลี” อีกทั้งยังมีการสอนคอร์สศิลปป้องกันตัวแห่งการรวมเป็นหนึ่ง รวมไปถึงการรักษาด้วยวิธีการฝังเข็ม โดยมีการตั้งกลุ่มไลน์และการเชิญชวนทั้งคนไทยและชาวต่างชาติเข้าร่วมโครงการ อีกทั้งพบว่าโครงการดังกล่าวยังมีการเรียกเก็บเงินกับทางผู้เข้าร่วมอีกด้วย ซึ่งทางเจ้าตัวมองว่าการกระทำดังกล่าวเกรงจะเป็นการหลอกลวงประชาชน อีกทั้งการรักษาด้วยวิธิการฝังเข็มที่ว่านี้้ก็ไม่ได้มีมาตรฐานการรับรอง หรือการรักษาความสะอาด ซึ่งอาจก่อให้เกิดการติดเชื้อและการแพร่ระบาดของโรคต่าง ๆ จึงอยากขอเรียกร้องให้ทางเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเข้าดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้
ทั้งนี้ทาง น.ส.อร (นามสมมุติ) เปิดเผยว่า ได้ทราบเรื่องราวดังกล่าวนี้มาจากเพื่อนคนหนึ่งที่ทำงานเป็นมัคคุเทศก์ซึ่งได้มีการแนะนำตนเข้าไปร่วมโครงการดังกล่าว โดยลักษณะโครงการที่ว่านี้เป็นการจัดเวิร์คช็อป รวมถึงมีการฝังเข็ม ฝึกพลังภายใน ซึ่งดำเนินการโดยพระที่ระบุว่าเป็นพระจากวัดเส้าหลินที่ชื่อว่า “ตั๊กม้อ ชีฟู” แต่เท่าที่ตนทราบก็เป็นคนไทย แต่บอกว่ามาจากเกาหลี และมาจากวัดเส้าหลิน โดยพระรูปนี้ก็จะสอนศิลปการป้องกันตัวและมีการฝังเข็มด้วย ซึ่งสิ่งที่ตนกังวลคือในเรื่องของการฝังเข็มเท่าที่สังเกต พบว่ามีการฝังเข็มทะลุเสื้อผ้าเข้าไปเลย โดยตามหลักการที่จะนำเข็มฝังเข้าไปในร่างกายต้องมีการฆ่าเชื้อทำความสะอาดก่อน แต่ที่เห็นคือการแทงทะลุเสื้อผ้า โดยบางส่วนกางเกงหรือชุดสวมใส่ เมื่อแทงทะลุเข้าไปก็อาจจะทำให้ติดเชื้อได้ จึงอยากให้ทางเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องได้ลองตรวจสอบวิธีการรักษา หรือวิธีการกระทำดังกล่าวว่ามีมาตรฐาน มีความสะอาด หรือมีความถูกต้องหรือไม่
ขณะเดียวกัน ในส่วนของการเชิญชวนให้ผู้เข้าร่วมโครงการนั้น จะมีการเชิญชวนกันผ่านทางแอปพลิเคชั่นไลน์ โดยมีการตั้งกลุ่มและเก็บรายชื่อผู้เข้าร่วมทางไลน์ รวมไปถึงการประสานงานกัน ซึ่งล่าสุดตนได้ออกจากกลุ่มไลน์ดังกล่าวมาแล้ว และก่อนจะออกกลุ่มมานั้นพบว่ามีสมาชิกประมาณ 30 คน โดยครั้งแรกที่มีการเชิญชวนตนทราบว่ามีค่าใช้จ่ายประมาณ 1,200 บาท ในการเข้าร่วมโครงการ แต่ทางตนไม่มีงบประมาณมากขนาดนั้นในการเข้าร่วมโครงการและได้ปฏิเสธไป จนกระทั่งต่อมาครั้งที่ 2 ตนก็ถูกเชิญชวนอีกและได้ขอเก็บเงินสดเป็นเงิน 199 บาท ที่หน้างาน นอกจากนี้ทางผู้จัดยังอ้างว่าการจัดโครงการดังกล่าวมีบุคคลสำคัญเข้าร่วมโครงการมากมาย ซึ่งในข้อเท็จจริงนั้นตนก็ไม่ทราบว่ามีจริงหรือไม่ เนื่องจากตอนที่ตนเข้าร่วมงานได้ไปก่อนล่วงหน้า 1 วัน แล้วได้ไปเห็นการสาธิตการฝังเข็มทะลุผ้า ซึ่งตนรู้สึกว่าไม่ปลอดภัยจึงไม่ไปอีก จึงได้ขอแจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ เนื่องจากบางทีกลุ่มคนที่เข้าร่วมงานนี้ก็เป็นชาวบ้านธรรมดาที่อาจไม่มีความรู้เกี่ยวกับสุขอนามัย และเกรงว่าจะเกิดปัญหาขึ้นในอนาคต
ส่วนสถานที่ในการจัดโครงการนั้นเป็นศูนย์ปฏิบัติธรรม เส้นทางไปอุทยานหลวงราชพฤกษ์ ตำบลแม่เหียะ อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ โดยอยู่ใกล้กับบ้านกระต่ายแอดเวนเจอร์ โดยตรงนั้นจะมีศูนย์ปฏิบัติธรรมอยู่เพียงแห่งเดียว โดยโครงการนี้มีทั้งคนไทยและคนต่างชาติเข้าไปร่วม โดยส่วนใหญ่คนต่างชาติมักจะถูกเชิญชวนจากทางไกด์หรือมัคคุเทศก์ซึ่งไปเข้าร่วมด้วยความไม่ทราบ แต่อย่างไรก็ตามในส่วนของตนเองนั้นก็ไม่ได้อยากพาดพิงใคร และที่ตนมีความกังวลคือในเรื่องของความปลอดภัยที่อาจเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โดยเฉพาะในเรื่องของเชื้อโควิด-19 รวมไปถึงอยากให้ทางผู้เกี่ยวข้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ว่าพระรูปดังกล่าวมีที่มาที่ไปอย่างไร เดินทางมาจากวัดเส้าหลิน ในเกาหลี จริงหรือไม่และตนก็ไม่ได้กล่าวหาว่าเป็นพระปลอมหรือไม่ แต่แค่อยากให้มีการตรวจสอบเพื่อความกระจ่าง และเพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ
ร่วมแสดงความคิดเห็น