‘อนุทิน’ พร้อมคณะลงพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน ติดตามการลำเลียงผู้ป่วยฉุกเฉินทางอากาศ และเยี่ยมพบปะ อสม.

เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมคณะได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อติดตามการดำเนินงานการลำเลียงผู้ป่วยฉุกเฉินทางอากาศยาน หรือ Sky doctor และเยี่ยมพบปะอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) โดยช่วงเช้าได้เป็นประธานเปิดโครงการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำบ้านต้านภัยโควิด -19 พร้อมเยี่ยมพบปะกลุ่ม อสม. ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ภายในหอประชุมสหกรณ์ออมทรัพย์ครู อ.เมืองแม่ฮ่องสอน โดยนายอนุทิน ฯ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีสาธารณสุขได้แจ้งต่อกลุ่ม อสม.ที่มาต้อนรับว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติเงินช่วยเหลือ ในการปฏิบัติหน้าที่แก่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านย้อนหลัง ให้จำนวน 500 บาท ต่อคนเป็นระยะเวลา 7 เดือน โดยตั้งแต่เดือนมีนาคม จนถึงเดือนกันยายน 2563 ทั้งนี้เพื่อเป็นกำลังใจและเป็นค่าเดินทางให้กับ อสม.ทุกคน ที่สามารถทำงานในการควบคุมป้องกันโรคติดต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จากนั้นในช่วงบ่ายได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลศรีสังวาล จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อรับฟังการบรรยายเรื่องการช่วยเหลือลำเลียงผู้ป่วยฉุกเฉินทางอากาศยาน (Sky doctor ) พร้อมมอบนโยบายและมอบรางวัล “ Hero for sky doctor “ แก่แพทย์และพยาบาลที่มีผลงานดีเด่น ในการลำเลียงผู้ป่วยฉุกเฉินทางไกล จำนวน 4 ราย ประกอบด้วย นพ.บุญญาฤทธิ์ คำทิพย์ จากโรงพยาบาลนครพิงค์ จังหวัดเชียงใหม่ นายเชิดพงษ์ ปัญญา จากโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ นพ.ประสาน เปี่ยมอนันต์ จากโรงพยาบาลศรีสังวาลย์ จังหวัดแม่ฮ่องสอน และ น.ส.ชัยศรี กล้าณรงค์ จากโรงพยาบาลศรีสังวาลย์ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ก่อนเดินทางไปชมการสาธิตการลำเลียงผู้ป่วยฉุกเฉินทางอากาศยาน ของหน่วยแพทย์ฉุกเฉินโรงพยาบาลศรีสังวาลย์ฯ และหน่วยเฉพาะกิจกรมกรมทหารราบที่ 17 กองกำลังนเรศวร
นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า “ การช่วยเหลือผู้ป่วยยามฉุกเฉินในพื้นที่ห่างไกล ถือว่ามีความสำคัญทุกอย่าง จะต้องมีความพร้อมทั้งเครื่องมืออุปกรณ์ บุคลากร ยานพาหนะ และอากาศยาน ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขพร้อมที่จะสนับสนุนเต็มที่ เพื่อให้ประชาชนได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วและปลอดภัย ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้รับการสนับสนุนลำเลียงผู้ป่วยฉุกเฉินทางอากาศยานจากทางทหาร ตำรวจและเครือข่ายที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดีอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นจะต้องซื้อเฮลิคอปเตอร์เข้ามาให้สิ้นเปลืองงบประมาณ เพราะทางกองทุนการแพทย์ฉุกเฉินมีค่าใช้จ่ายให้กับอากาศยานที่ร่วมภารกิจ ซึ่งคิดมูลค่าเท่าทุนอยู่แล้ว ส่วนสถานการณ์แพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ถึงแม้จะไม่มีการติดเชื้อระหว่างคนไทยกับคนไทย ด้วยกันมากว่า 80 วัน แต่ก็ยังถือว่าน่าเป็นห่วง การสวมหน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่าง และการป้องกันตนต่าง ๆ ยังต้องคงดำเนินการต่อไป ตราบใดที่เรายังไม่วัคซีนยังถือว่ายังน่าเป็นห่วง อย่างไรก็ตาม การผลิตวัคซีนถือว่ามีความคืบหน้า เข้าสู่ระยะที่จะทดลองกับมนุษย์แล้ว ซึ่งทางสถาบันคณะแพทย์ศาสตร์ต่าง ๆ ที่ร่วมกันค้นคว้า วิจัย ทดลองผลิตวัคซีนก็ทำงานกันอย่างหนัก ขณะที่รัฐบาลก็จัดสรรงบประมาณให้พอประมาณ ในการช่วยสนับสนุนค้นคว้า วิจัยให้การเข้าถึงวัคซีนของประเทศไทยเกิดขึ้นโดยเร็ว

สำหรับ พ.ร.ก.ฉุกเฉินก็ยังมีความจำเป็น เพราะทำให้การบูรณาการงานต่าง ๆ เกิดความรวดเร็ว และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่มีส่วนใดมาริดรอนพื้นฐานเสรีภาพของประชาชนได้ มีการกำหนดชัดเจนว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินเอาไว้ใช้ในสถานการณ์การเคลื่อนย้ายผู้คน หรือการใช้งบประมาณบริหารจัดการต่าง ๆ ภายใต้สถานการณ์โควิด -19 อย่างเร่งด่วน ซึ่งจะสามารถคุ้มครองเจ้าหน้าที่ เจ้าพนักงานสามารถตัดสินใจ เพื่อความปลอดภัยของประชาชนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

ร่วมแสดงความคิดเห็น