สธ. พัฒนาศักยภาพ ‘ผู้พิทักษ์อนามัยโรงเรียน’ 77 จังหวัด เฝ้าระวังสถานศึกษาและสถานประกอบการ ป้องกันโควิด-19

​กระทรวงสาธารณสุข ส่งเสริมพัฒนาศักยภาพผู้พิทักษ์อนามัยโรงเรียนจาก 77 จังหวัด เพื่อเป็นที่ปรึกษา แนะนำให้ความรู้ ตรวจตรา และเฝ้าระวังการปฏิบัติตามมาตรการของสถานศึกษาและสถานประกอบการในการป้องกันโรคโควิด 19

วันนี้ (17 สิงหาคม 2563) ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพ “ผู้พิทักษ์อนามัยโรงเรียน” ณ โรงแรมเอเชียแอร์พอร์ท จังหวัดปทุมธานี ว่า กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ ได้ดำเนินการตรวจราชการและกำกับติดตามประเมินผลการจัดการเรียนการสอนและการดำเนินงานตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคดังกล่าวของสถานศึกษาแต่ละเขตพื้นที่การศึกษา และจัดตั้ง “ผู้พิทักษ์อนามัยโรงเรียน” ซึ่งเป็นจิตอาสาที่เป็นข้าราชการบำนาญ ด้านการแพทย์ การพยาบาล การสาธารณสุข และการศึกษา โดยมีบทบาทดำเนินการแนะนำให้ความรู้การดูแลสุขภาพ ตรวจตรา และติดตามการปฏิบัติตามมาตรการและให้คำปรึกษาด้านต่าง ๆ จังหวัดละ 2 คน รายงานผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องกลับมายังกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้การควบคุมและป้องกันโรคโควิด 19 เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดและปลอดภัยสูงสุด
​“ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขมีมาตรการควบคุมโรคโควิด 19 ส่งผลให้ขณะนี้ประเทศไทยไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อเนื่องติดต่อกัน ภายใต้ปัจจัยหลักสำคัญ ดังนี้ 1) มีระบบการสื่อสารความเสี่ยงให้ประชาชนปฏิบัติตนในยุควิถีชีวิตใหม่ ด้วยการสวมหน้ากาก ใช้เจลล้างมือ เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล หลีกเลี่ยงเข้าไปในที่แออัด และลดสัมผัสร่วม 2) มีระบบเฝ้าระวังโรคติดต่อ ตั้งศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุข มีพระราชบัญญัติโรคติดต่อแห่งชาติ พ.ศ. 2558 รองรับ 3) มีระบบการตรวจหาเชื้อโรคโควิค 19 มีห้องปฏิบัติการตรวจยืนยันเชื้อทั่วประเทศ 4) สร้างระบบแยกกักกันและจัดการดูแลประชาชนกลุ่มป่วยและกลุ่มเสี่ยงในสถานที่ที่ได้มาตรฐานทางการแพทย์ และ 5) มีระบบการพัฒนามาตรฐานของสถานประกอบการและสถานที่สาธารณะ กระทรวงสาธารณสุขและภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันพัฒนาและรับรองมาตรฐานการดำเนินการของสถานประกอบการ สถานที่สาธารณะ เพื่อให้บริการแก่ผู้มารับบริการ” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว

​แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ในช่วงเวลานี้ ยังคงต้องขอความร่วมมือประชาชนการ์ดอย่าตก โดยปฏิบัติตามมาตรการด้วยการสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลาเมื่อออกจากบ้าน หมั่นล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่และน้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์ และเว้นระยะห่างอยู่เสมอ พร้อมทั้งมีการ CHECK-IN และ CHECK-OUT ผ่านแพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” ทุกครั้งที่ใช้บริการในศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า โรงแรม โรงภาพยนตร์ สถานบันเทิง ตลาด เป็นต้น เพื่อความปลอดภัยในการดำเนินชีวิตในพื้นที่สาธารณะ สำหรับสถานศึกษาได้รับอนุมัติจากนายกรัฐมนตรี (พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา) เห็นชอบตามที่คณะกรรมการเฉพาะกิจเสนอให้มีการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการการเฝ้าระวังของโรคดังกล่าว โดยมีการทดลองเปิดเรียนแบบ Onsite เต็มรูปแบบทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคม 2563 ทั้งนี้ยังคงเน้นย้ำให้ดำเนินการตามมาตรการด้านสาธารณสุข ทั้ง 5 ข้อ อย่างเข้มข้น อาทิ คัดกรองวัดไข้ สวมหน้ากาก ล้างมือ ทำความสะอาด และลดแออัด ส่วนมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social distancing) ให้สถานศึกษาสามารถจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในห้องเรียนได้ตามปกติ แต่ควรงดเว้นกิจกรรมที่มีคนรวมตัวกันจำนวนมากในสถานศึกษา เช่น การประชุม กิจกรรมรื่นเริง การละเล่น ฯลฯ หากจำเป็นต้องจัด ให้ประสานหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ให้ความเห็นชอบและแจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดทราบ

ร่วมแสดงความคิดเห็น