ครู ผู้ปกครองอึ้ง ! กระแสชู 3 นิ้ว มั่นใจเยาวชน คนรุ่นใหม่ จะเรียนรู้ก้าวสู่อนาคตที่ดีงาม

เครือข่ายครู ผู้ปกครอง กลุ่มโรงเรียนมัธยมศึกษา ในพื้นที่เชียงใหม่ และลำพูน กล่าวถึงกรณี นักเรียน นักศึกษา ออกมาเคลื่อนไหว แสดงสัญลักษณ์การชู 3 นิ้ว ผ่านกิจกรรมการจัดเวทีชุมนุมเรียกร้องของกลุ่ม องค์กรต่าง ๆ ที่จัดขึ้นในแต่ละพื้นที่ รวมถึงในโรงเรียนช่วงเคารพธงชาตินั้น อดีตผู้บริหาร สถานศึกษา โรงเรียนดังใน อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า เกิดมาตั้งแต่รับราชการจนเกษียณ เพิ่งเคยเห็นปรากฎการณ์แบบนี้ แต่มั่นใจว่า เบ้าหลอมของครอบครัวเด็ก ๆ รุ่นใหม่ โดยเฉพาะทางภาคเหนือจะคงความสุภาพ อ่อนน้อม ไม่ก้าวร้าว ไม่จาบจ้วง

“อาจจะเป็นรอยต่อระหว่างวัยที่กำลังอยากเรียนรู้ ประกอบกับสังคมพัฒนาก้าวไกล มีอุปกรณ์สมาร์ทโฟน มีการแบ่งปันข้อมูลที่เรียกว่า ไลฟ์สด ผ่านเวทีจัดกิจกรรมชุมนุมต่าง ๆ ที่สถานศึกษาจัดขึ้น และเป็นกระแสขึ้นมา ในฐานะครู คงมองในด้านการเรียนรู้ ไม่อาจแสดงความคิดเห็น ก้าวล่วงความคิดคนรุ่นใหม่ ว่าคิดและมองเป้าหมายอะไรกันอยู่ ถ้ายึดโยงสัญลักษณ์ชู 3 นิ้ว ที่มีความหมายว่า สันติภาพ เสรีภาพ ภราดรภาพ โดยบริบทสังคมทุกประเทศ การจะไปเปลี่ยนแปลงอะไรนั้น ต้องใช้เวลา ไม่ใช่คิด ทำ แสดงออก ในความต้องการแล้วต้องได้เลย”

กลุ่มผู้ปกครอง โรงเรียนมัธยมศึกษา ในพื้นที่นครเชียงใหม่ กล่าวว่า ลูกหลานอยากไปร่วมกิจกรรม ก็อนุญาต ไม่ห้าม อยากให้เรียนรู้ สิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งคณะครูในสถานศึกษาก็แนะนำเช่นนั้น มีการพูดคุยกับครูที่ปรึกษาตลอด เพราะวัยรุ่น เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ต้องผ่อน ๆ เฝ้ามองบ้าง

“เชื่อมั่นว่า เยาวชน คนรุนใหม่ ที่แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ร่วมกิจกรรม ส่วนใหญ่จะรู้กฎกติกา ที่ไม่ละเมิดก้าวล่วงคนอื่น การอยู่ร่วมกันของคนหมู่มากในสังคม มีกฎระเบียบ มีกฎหมาย มีข้อห้าม และการเรียกร้องสิ่งต่าง ๆ ระดับนโยบาย ผู้หลักผู้ใหญ่ก็ต้องฟัง อย่าด่วนสรุปว่า มีเบื้องหลัง มีการชักจูงให้ทำกิจกรรมแบบที่เห็น อนาคตของเด็ก ๆ วัยรุ่นที่มาเคลื่อนไหว กลุ่มสูงวัย 60-70 กว่า คงมีโอกาสได้เห็นความเปลี่ยนแปลง ข้อเรียกร้องไม่มากแน่นอน ควรเปิดพื้นที่ ให้คนเหล่านี้ได้ออกแบบอนาคต กำหนดความเป็นรัฐชาติไทยร่วมกัน ไม่ใช่ฝากความฝัน ความหวังไว้ที่กลุ่ม
การเมืองเช่นที่ผ่าน ๆ มา”

อาจารย์รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยดัง ในเชียงใหม่ กล่าวว่า ข้อวิพากษ์ บทสรุปที่นำไปเปรียบเปรย การเคลื่อนไหวในหลายประเทศ แล้วฟันธงว่า จะเกิดกลียุค จลาจล นองเลือด ชุดความคิดแบบนี้ไม่น่าจะมีแล้ว เพราะบทเรียนที่ผ่าน ๆ มา สังคมไทยได้เรียนรู้ร่วมกัน จะไปกล่าวอ้าง คาดเดาว่าสิ่งใดที่ไม่เคยเกิดขึ้น ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ ก็จะได้เห็นกันในชาตินี้

“จริง ๆ แล้วคนไทยทุกคนรักชาติ บ้านเมือง มีศูนย์รวมจิตใจ ในรูปแบบต่าง ๆ ตามบริบทชุมชน สังคม ที่แต่ละครอบครัว พ่อแม่ปลูกฝัง คงไม่มีพ่อแม่คนไหนจะสอน อบรมลูกในสิ่งที่ไม่ดี บรรดาครูบาอาจารย์ก็พร่ำสอนให้ศิษย์เรียนรู้สิ่งดี ๆ เพื่ออนาคตที่ดีกันทั้งนั้น ช่วงที่ผ่าน ๆ มา ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ตุลาเดือด หรือพฤษภาทมิฬ ที่นิยามคำเรียกกัน รวมถึง ช่วงใช้สีแตกต่างกันมาดำเนินกิจกรรมการเมือง วันนี้มีโบว์สีขาว มีการชู 3 นิ้ว แล้วทำนายถึงขั้นเข้ารก เข้าพง จะเป็นแบบฮ่องกง บ้านเมืองต้องกลียุค จลาจล คนในชาติถึงจะรักกัน ไม่ชังชาติ เป็นเรื่องตลก

วันนี้สถานการณ์ จุดแตกหัก ที่ชาวบ้านทุกคนรู้ คือ อยากจะอยู่ดี มีสุข มีงานทำ มีรายได้ ไม่ใช่อยู่กับความฝัน และถ้าจะทะเลาะกัน แล้วทำให้บ้านเมืองทุกข์ยากลำบากกว่าช่วงโควิด-19 คงไม่มีประชาชนคนไทย อดทน อดกลั้นได้ขนาดนั้น ช่วงได้โอกาสทำหน้าที่ มีฝีมือแค่ไหนก็ต้องเค้นออกมา ถ้าทำไม่ได้ ต้องเปิดทางให้คนที่มีฝีมือ มีความสามารถกว่าทำ สังคมโดยรวม ไม่ว่าบ้านเมืองไหน มีกฎ เงื่อนไข เช่นนี้ ไม่แน่ใจว่า ฝืนต่อเพราะอะไร ฉากสุดท้ายมีตัวอย่างให้เลือกเรียนรู้ในประวัติศาสตร์ หรือแค่ห้วง 1-2 ปี มีกี่ประเทศ เห็น ๆ กันอยู่ผ่านการนำเสนอข่าว ”

ร่วมแสดงความคิดเห็น