รวบหนุ่มหัวใสผ้าคลุมวงจรปิดก่อนกวาดเงินหยอดเหรียญ

เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. นายมงคลหรือเอส ศรีวิชัย อายุ ๓๘ ปี บ้านเลขที่ ๒๑ หมู่ที่ ๓ ต.น้ำแพร่ อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ได้เข้ามอบตัวและขอให้การรับสารภาพต่อหน้า พ.ต.ท.ยุทธการ เมธา รอง ผกก.สภ.แม่แตง ปฏิบัติราชการ รอง ผกก.สภ.หางดง , พ.ต.ต.ยงยุทธ กุลธร สว.สส.สภ.หางดง, ร.ต.อ.ไอศูรย์ ชาวผ้าขาว รอง สว.สส.สภ.หางดง, ร.ต.อ.วิโรจน์ ปันนะราชา รอง สว.สส.สภ.หางดง ร.ต.อ.ไพศิลป์ ปันดิษฐ์ รอง สวป.สภ.หางดง , ร.ต.อ.จตุพร โชคชัยพิศุทธิ์ รอง สวป.สภ.หางดง
เมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๓ เวลาประมาณ ๑๓.๐๐ น.เศษ นายมงคลฯ เพียงลำพัง ได้เดินออกจากบ้านพักอาศัยของตนมาที่บริเวณตู้หยอดเหรียญเครื่องซักผ้า ข้างบ้านสิบเอก ไพรินทร์ กาไวย์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ ๓ ต.น้ำแพร่ อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ผู้เสียหายนคดีนี้ ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของตนประมาณ ๓๐ เมตร เมื่อมาถึงบริเวณตู้หยอดเหรียญดังกล่าว พบว่าไม่มีผู้ใด และได้พบเสื้อไหมพรมเก่าสีครีมวางอยู่ใกล้ๆ ตู้ดังกล่าว ตนจึงได้นำเสื้อดังกล่าวขึ้นมาและนำไปปิดกล้องวงจรปิด ที่ติดตั้งอยู่บนหลังตู้หยอดเหรียญดังกล่าว หลังจากนั้นจึงได้ใช้มือออกแรงดึงลิ้นชักที่เก็บเงินหยอดเหรียญดังกล่าวจนหลุดออก หลังจากนั้นได้ลักเอาเงินเหรียญในลิ้นชักดังกล่าวซึ่งมีอยู่จำนวน ๘๐ บาท เป็นเหรียญกษาปณ์ ชนิด ๑๐ บาททั้งหมด หลังจากนั้นได้ดึงผ้าคลุมกล้องวงจรปิดออก แล้วเดินหลับบ้านพักอาศัย และใช้ชีวิตตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
กระทั่งต่อมาเมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๓ เวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. ขณะที่นายมงคล กลับจากไปหาเห็ดในป่าในหมู่บ้าน ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและ ส.อ.ไพรินทร์ฯ ไปหานายมงคล ที่บ้านและเชิญตัวมาที่ สภ.หางดง และได้ให้นายมงคลฯ ได้ดูกล้องวงจรปิด ซึ่งเป็นกล้องที่ติดตั้งที่เสาไฟฟ้า ริมถนนใกล้ที่เกิดเหตุ และได้เห็นนายมงคลฯ เดินผ่านกล้องดังกล่าวมาที่ตู้หยอดเหรียญดังกล่าว โดยในวันเกิดเหตุนายมงคล ฯ ให้การรับสารภาพว่า ได้สวมเสื้อยึดแขนสั้นสีน้ำตาล และกางเกงผ้ายึดขาสั้นสีดำ ซึ่งเมื่อนายมงคลฯ ได้เห็นภาพจากกล้องได้จำนนต่อพยานหลักฐาน จึงได้ให้การรับสารภาพว่าได้กระทำผิดจริง โดยกระทำผิดเพียงลำพังผู้เดียว ไม่มีผู้ใดร่วมกระทำผิดด้วย และนอกจากนี้นายมงคลฯ ยังได้ให้การรับสารภาพว่าได้ลักเงินเหรียญในตู้ดังกล่าวมาแล้วจำนวน ๔ ครั้ง ครั้งเมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๓ เป็นครั้งที่ ๕ โดยครั้งแรกนายมงคลฯ ได้รับว่าเกิดขึ้นเมื่อวันเดือนจำไม่ได้ แต่เป็นประมาณต้นปี พ.ศ.๒๕๖๓ เวลากลางวันหลังเที่ยงวัน นายมงคลฯ เพียงคนเดียวได้ใช้มือดึงลิ้นชักเก็บเงินตู้หยอดเหรียญดังกล่าวออกและได้ลักเอาเงินเหรียญ จำนวนประมาณ ๘๐-๑๐๐ บาท ไปใช้ส่วนตัว ต่อมาหลังจากนั้นประมาณ ๑ เดือนเศษ นายมงคลฯ ก็ให้การรับสารภาพว่าได้มาลักเงินในตู้ดังกล่าวในลักษณะเดิมอีกครั้ง และได้เงินเหรียญชนิด ๑๐ บาท ไปอีกประมาณ ๘๐-๑๐๐ บาท ครั้งที่ ๓ เมื่อประมาณกลางเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๓ นายมงคลฯ เพียงลำพังก็เข้าไปลักเงินในตู้ดังกล่าวอีกครั้งเป็นครั้งที่ ๓ และได้เงินเท่าๆ กันกับทุกครั้งคือประมาณไม่เกิน ๑๐๐ บาท แล้วนำไปใช้ส่วนตัว และเมื่อประมาณประมาณวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๓ เวลากลางวันหลังเที่ยงวัน นายมงคลฯ เพียงลำพังคนเดียวก็กระทำผิดในลักษณะเดียวกันอีกครั้งเป็นครั้งที่ ๔ และได้เงินเหรียญ ๑๐ บาท ไปประมาณ ๘๐ บาท กระทั่งมากระทำผิดครั้งที่ ๕ ในวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๓ เวลาประมาณ ๑๓.๐๐ น. และหลังรับสารภาพนายมงคลฯ ได้มอบเงินเหรียญชนิด ๑๐ บาท จำนวน ๑๔ เหรียญ เพื่อมอบเป็นของกลาง และยืนยันว่าเป็นทรัพย์ที่ได้จากการกระทำผิดบางส่วน และต่อมาได้สมัครใจพาเจ้าหน้าที่ผู้รับมอบตัวไปนำชี้สถานที่เกิดเหตุ เพื่อประกอบคำรับสารภาพผิดของตน

ร่วมแสดงความคิดเห็น