จังหวัดน่าน เปิดโครงการอบรมอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ( อพม.) ฃ

เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2563 เวลา 10.30 น. ที่ โรงแรมดิ อิมเพลส น่าน อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน นายนิธิวัชร์ ศิรโภคาวิโรจน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เป็นประธาน เปิด โครงการอบรมอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ( อพม.) ใหม่ โดยมี นายธีรพนธ์ วงศ์สิทธิ์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดน่าน ให้การต้อนรับ ซึ่งมีผู้ที่มีจิตอาสา ที่สมัครเข้ามาเพื่อทำงานด้านการพัฒนาสังคมโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน การอบรมแบ่งออกเป็น 2รุ่น รุ่นละ 50 คน รวม 100 คน เพื่อให้มีเครือข่ายอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เพิ่มมากขึ้น ครอบคลุมทุกพื้นที่ชุมชน เพื่อให้ผู้สมัครเป็นอาสสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์มีความรู้ ทักษะ เข้าใจบทบาทของตนในการปฏิบัติหน้าที่ ของมนุษย์มีความรู้ ทักษะ เข้าใจบทบาทของตนในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และเพื่อขยายโครงข่ายการเฝ้าระวังทางสังคมให้มากขึ้นสามารถป้องกันปัญหาสังคมต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และความเจริญก้าวหน้าทาเทคโนโลยี และการสื่อสารที่เปลี่ยนแปลงไป อย่างรวดเร็วก่อให้เกิดปัญหาทางสังคมตามมาเช่นเดียวกัน เกิดช่องว่างการเอารัดเอาเปรียบ และมีผู้ด้อยโอกาส ในสังคมดังนั้น การที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ส่งเสริมให้มี อสสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.)ซึ่งเครือข่ายอาสาสมัครมีหน้าที่ ชี้เป้า เฝ้าระวัง ประสานงาน ส่งต่อ ด้านการจัดสวัสติการสังคมในพื้นที่ และให้กลุ่มเป้าหมายมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

นายนิธิวัชร์ ศิรโภคาวิโรจน์รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และความเจริญก้าวหน้ำทางเทคโนโลยีและการสื่อสารที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน ก่อให้เกิดปัญหาที่ซับซ้อนรุนแรงมากขึ้น ได้แก่ ปัญหา ความยากจน ยาเสพติด การค้ามนุษย์ การมีรายได้น้อย รวมทั้งปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเด็ก ยาวชน คนพิการ ผู้สูงอายุ ปัญหาเหล่านี้ ได้ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของประชาชน ซึ่งการป้องกัน แก้ไขปัญหา ดังกล่าว จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีกระบวนการมีส่วนร่วมของเครือข่าย ในการสนับสนุนการขับเคลื่อนและผลักดัน สร้างเครือข่ายอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม) และสนับสนุนการรวมกลุ่มในการทำงานเป็นเครือข่ายในระดับพื้นที่ จึงจำเป็นต้องอาศัยภาคีเครือข่ายการทำงานเฝ้าระวังในชุมชนให้ครอบคลุมทุกชุมชน

ร่วมแสดงความคิดเห็น