เจ้าของรีสอร์ทหรู อ.สันกำแพง  ร้องสื่อ หลังกรมบังคับคดีติดหมายล้มละลายผิดสถานที่ สร้างความเข้าใจผิดให้ลูกค้า สูญรายได้กว่า 2 ล้านบาท

เมื่อเวลา 11.56 น. วันที่ 27 สิงหาคม 2563 นางพรธิตา วงค์ปัน อายุ 63 ปี อดีตอาจารย์โรงเรียนสันกำแพง พร้อม ดาบตำรวจอธิคุณ วงค์ปัน อายุ 65 ปี สองสามีภรรยา เจ้าของสันกำแพงเลควิวรีสอร์ท ได้นำผู้สื่อข่าวไปยังสำนักงานของรีสอร์ท ตำบลออนใต้ อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ หลังเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กรมบังคับคดีได้นำประกาศหมายศาลล้มละลายมาติดที่สำนักงานของรีสอร์ท โดยประกาศดังกล่าวนั้น ไม่ใช่บริษัทของตนเอง และไม่ใช่ชื่อของตนด้วย

ซึ่งหลังมีการนำประกาศมาติดทำให้ได้รับผลกระทบอย่างมาก ทำให้ลูกค้าที่จะเข้ามาใช้บริการที่รีสอร์ท และหมู่บ้านสันกำแพงเลควิวรีสอร์ท ได้ยกเลิกสัญญา เพราะความเข้าใจผิด ทั้งที่หมายประกาศดังกล่าว ไม่ใช่ชื่อตน และไม่ใช่ชื่อของบริษัทของตน แล้วที่อยู่ก็ไม่ถูกต้อง แต่กระแสข่าวลือได้บอกว่าตนล้มละลาย เมื่อติดต่อไปเจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์ที่อยู่ในเอกสารก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับ ทำให้เกิดความเดือดร้อนอย่างมาก

นางพรธิตา วงค์ปัน เปิดเผยว่า หลังมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้รีสอร์ทต้องปิดให้บริการชั่วคราว ตนก็ไม่ค่อยได้แวะเวียนเข้ามา มีแต่ลูกน้องที่ค่อยดูแลอยู่ ปกติตนก็ไม่ได้พักอาศัยภายในรีสอร์ทแห่งนี้ แต่อยู่ที่อำเภอแม่ออน กระทั่งได้มีโอกาสกลับมาดูที่สำนักงาน เพื่อจะปรับปรุงรีสอร์ทต้อนรับนักท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่นนี้ และมีลูกค้าที่จองไว้ ก็มาพบเจอหมายศาลล้มละลายดังกล่าว

ก่อนหน้าที่ตนจะทราบว่ามีหมายศาลมาติดที่ด้านหน้าสำนักงาน ก็มีเจ้าของบ้านที่ซื้อบ้านในหมู่บ้านแห่งนี้บอกให้ตนทราบ มีชาวต่างชาติที่มาพักอาศัยก็เห็นหมายนี้มาติด แต่ไม่เข้าใจภาษาไทย เพียงแต่บอกว่ามีเอกสารที่มีเครื่องหมายตราครุฑมาติดไว้ ส่วนแม่บ้านและคนงานที่อยู่ที่นี่ก็อ่านหนังสือไม่ออก คิดว่าตนหรือสามีตนให้คนเอาเอกสารมาติด เพื่อประชาสัมพันธ์ จึงไม่ได้สนใจ กระทั่งมีการแชร์กันในกลุ่มไลน์และโซเชียล ว่าตนล้มละลาย ทำให้หลายคนที่จะมาจัดงานประชุมสัมมนา จัดงานแต่งงานในรีสอร์ทแห่งนี้ พากันยกเลิกไป ทำให้ได้รับผลกระทบมีความเสียหายไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท

 

 

จากข้อมูลที่ปรากฎบนเอกสารได้ระบุชื่อ บริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ที่กรุงเทพฯ ตนและสามี คือ ดาบตำรวจ อภิรุณ วงค์ปัน อดีตข้าราชการตำรวจสันกำแแพง ก็ได้ตรวจสอบบุคคลที่ปรากฎบนหมายศาล ก็ไม่ใช่ครอบครัวของตน และตรวจสอบถึงบุคคลที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะคนที่มาซื้อบ้านพักอาศัยในหมู่บ้านสันกำแพงเลควิวรีสอร์ท ก็ไม่พบชื่อบุคคลนี้ และตนได้ติดต่อไปตามเบอร์โทร ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์ของกองบังคับคดีล้มละลาย 6 เพื่อแจ้งว่าได้ติดหมายผิดสถานที่ และไม่ใช่บริษัทฯ ที่ถูกระบุไว้ในหมาย เพราะบริษัทของตนชื่อ บริษัททรัพย์ดีแลนด์ จำกัด แต่กลับได้รับคำตอบว่า มีคนแจ้งชื่อและที่อยู่ว่าเป็นสถานที่แห่งนี้ จึงมีการนำหมายมาติด

ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าจะดำเนินการอย่างไรแล้ว เกิดความเครียดอย่างมาก เพราะความเข้าใจผิดทำให้ที่ผ่านมาจากผลกระทบการแพร่ระบาดช่วงไวรัสโควิด-19 ตนก็สูญเสียรายได้ไปกว่า 2 ล้านบาทแล้ว และมาเจอการเหตุการณ์เข้าใจผิด แล้วสังคมก็ตัดสินตนกับครอบครัวไปแล้วว่าเป็นบุคคลล้มละลาย ทำให้ไม่สามารถที่จะดำเนินการกู้เงิน หาแหล่งเงินทุนมาต่อยอดการปรับปรุงรีสอร์ทได้ แล้วยังมีคนที่จะจัดงานแต่งงาน จัดการประชุมสัมมนา ยกเลิกไปแล้วกว่า 5 ราย ค่าใช้จ่ายในแต่ละงาน 3-5 แสนบาท ตนสูญเสียรายได้มากกว่า 1 ล้านบาทไปแล้ว ภายหลังที่ตนทราบเรื่องจนถึงปัจจุบันก็ประมาณ 1 เดือน ยังไม่มีความคืบหน้าด้านการแก้ไขอะไร ตนจึงต้องขอความเป็นธรรมผ่านผู้สื่อข่าว และตนก็ได้แจ้งความไว้เป็นหลักฐานถึงเรื่องนี้แล้ว

สำหรับการดำเนินการหลังจากนี้ก็จะปรึกษาทางทนายความว่าจะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง เพราะตนและครอบครัวได้รับผลกระทบ และความเสียหาย ทั้งทางด้านจิตใจที่ถูกสังคมตัดสินว่าเป็นคนล้มละลาย และยังกระทบต่อด้านธุรกิจที่ถูกยกเลิกงาน เหมือนเป็นการซ้ำเติมธุรกิจของตนอย่างมาก เพราะเศรษฐกิจจากพิษโควิด-19 ก็หนักพอแล้ว และยังไม่ฟื้นฟูก็มาเจอเหตุการณ์นี้อีก จึงอยากได้ความเป็นธรรมกับสังคมในเรื่องนี้ และอยากให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วนด้วย

ร่วมแสดงความคิดเห็น