ประกาศแล้ว ! โอนเงินพิเศษ อสม.สู้โควิด คนละ 3,500 บาท วันที่ 21 ก.ย. 63 แน่นอน

โฆษกกระทรวงสาธารณสุข แถลงผลการประชุมผู้บริหารระดับสูง ย้ำบรรจุข้าราชการรุ่นโควิดเสร็จสิ้นในกันยายนนี้ หากพบคนแสวงผลประโยชน์เอาผิดถึงที่สุด ระบุ อสม.ได้ค่าตอบแทน 3,500 บาทในวันที่ 21 กันยายน พร้อมเร่งเดินหน้าจัดหาวัคซีนโควิด-19 ให้ประเทศไทยทั้ง 3 รูปแบบ ล่าสุดเตรียมร่วมมือโครงการโคแวกซ์ องค์การอนามัยโลก

แพทย์หญิงพรรณประภา ยงค์ตระกูลโฆษกกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวสรุปผลการประชุมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข ว่า นายอนุทินชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้มอบของที่ระลึกแก่ นายแพทย์สุขุมกาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และผู้บริหารที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายน 2563พร้อมมอบนโยบายเรื่องการบรรจุข้าราชการใหม่จำนวน 45,684 อัตรา จะต้องบรรจุเสร็จสิ้นภายในกันยายนนี้ด้วยความเป็นธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้ จากที่มีข่าวอ้างว่าช่วยบรรจุเป็นข้าราชการรุ่นโควิดได้ ขอย้ำว่าไม่เป็นความจริง อย่าหลงเชื่อ หากพบให้ดำเนินการถึงที่สุด ไม่มีการละเว้นโทษ

นอกจากนี้ ได้มอบนโยบายการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2564 เรื่องสำคัญคือ การดำเนินการให้ประเทศไทยเป็นประเทศแรกๆ ของโลกได้รับวัคซีนที่ต่างประเทศผลิตได้ และการพัฒนาวัคซีนภายในประเทศ, การขับเคลื่อนระบบบริการปฐมภูมิให้คนไทยมีหมอประจำตัว 3 คน คือ หมอประจำบ้าน หมอสาธารณสุขหมอครอบครัว เพื่อลดความแออัดโรงพยาบาลและสร้างเสริมระบบสุขภาพคนไทย การสร้างระบบธรรมาภิบาลในกระทรวงสาธารณสุข โดยเฉพาะการใช้จ่ายงบประมาณให้มีความคุ้มค่า หากมีการทุจริตจะดำเนินการอย่างถึงที่สุดเช่นเดียวกับกรณีคลินิกชุมชนอบอุ่น ซึ่งขณะนี้ สปสช.ได้ยกเลิกสัญญาคลินิกที่พบการทุจริต พร้อมจัดหาหน่วยบริการรองรับ รับสมัครคลินิกชุมชนอบอุ่นเพิ่ม และเรื่องสุดท้ายคือการคุ้มครองประชาชนจากสารเคมีและสินค้าที่ทำลายสุขภาพ

สำหรับประเด็นที่น่าสนใจในการประชุม คือบทบาทของ อสม.ในการดำเนินการต้านภัยโควิด-19 ที่เป็นด่านหน้า ออกเคาะประตูบ้านเฝ้าระวัง ดูแล สอดส่อง ป้องกันโรคโควิด-19 ในชุมชน ซึ่งรัฐบาลเห็นความสำคัญและมอบค่าตอบแทน อสม. ที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติเมื่อวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการหารือกับกรมบัญชีกลางแล้วโดยจะเบิกจ่ายค่าป่วยการ อสม. จำนวน 7 เดือน ตั้งแต่มีนาคมถึงกันยายน 2563 เป็นเงิน 3,500 บาท และจะส่งเข้าบัญชีของ อสม. ในวันที่ 21 กันยายนนี้ หากสถานการณ์เกิดขึ้นอีก รัฐบาลก็จะดูแลต่อเนื่อง

นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้มีบทบาทในการร่วมมือฟื้นฟูเศรษฐกิจภายใต้สถานการณ์โควิด 19 โดยดำเนินการ 2 เรื่อง คือ การขับเคลื่อนสมุนไพรเพื่อเศรษฐกิจ โดยส่งเสริมฟ้าทะลายโจร เพื่อผลิตยาสมุนไพร และการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพวิถีใหม่ โดยพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวเมืองสมุนไพร 5 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย พิษณุโลก อุดรธานี สุราษฎร์ธานี และสงขลา

กระทรวงสาธารณสุข

ร่วมแสดงความคิดเห็น