สะดุ้งทั้งเมือง ! แชร์ภาพป้ายประกาศ มัสยิดช้างคลานปิดชั่วคราว ระบุเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ในเมียนมารุนแรง

เมื่อวันที่ 8 ก.ย. 2563 จากโพสต์ผู้ใช้โซเชียลมีเดียมีการเผยแพร่ แชร์ต่อภาพป้ายประกาศที่มัสยิดอัลญาเมี๊ยะ (ช้างคลาน) ในตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งประกาศปิดมัสยิดและงดทำกิจกรรมทุกอย่างเป็นการชั่วคราว เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสถานการณ์ในประเทศเมียนมา และมีการหลบหนีข้ามพรมแดนไทยเข้ามาจำนวนหนึ่ง ซึ่งข้อความตอนหนึ่งมีการระบุว่า มีบางคน หลบหนีเข้ามาอยู่ในเขตชุมชนมัสยิดช้างคลาน และมุสลิมชาวเมียนมาคนหนึ่ง ได้ไปละหมาดที่มัสยิดอัตตั๊กวา วัดอุณหภูมิได้ 38.9 องศาเซลเซียส เข้าข่ายเฝ้าระวังและต้องกักตัวรักษา ทั้งนี้ภาพป้ายประกาศดังกล่าวที่มีการแชร์ ก่อให้เกิดกระแสความตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก เกรงว่ามีชาวเมียนมาหลบหนีเข้ามาและอาจจะแพร่เชื้อโควิด-19

โดยล่าสุดจากการลงพื้นที่ตรวจสอบสังเกตการณ์ ที่บริเวณมัสยิสอัลญาเมี๊ยะ หรือมัสยิดช้างคลาน ตำบลช้างคลาน อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ พบว่าบรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบเหงา และประตูเข้าออกถูกปิดไว้ ส่วนป้ายประกาศตามภาพที่มีการเผยแพร่นั้น ไม่พบว่ามีการติดตั้งอยู่แต่อย่างใด

ขณะที่จากการสอบถามผู้ดูแลมัสยิด เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้มีการติดป้ายประกาศตามภาพที่มีการเผยแพร่จริง อย่างไรก็ตามได้ทำการปลดลงแล้ว เนื่องจากข้อความที่เขียนมีความคลาดเคลื่อน และทำให้เกิดความเข้าใจผิด รวมทั้งเกิดความแตกตื่น ทั้งนี้เจตนาที่แท้จริง คือ ตั้งใจจะบอกว่า จากสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแพร่ระบาดรุนแรงในเมียนมา ประกอบกับพบว่าการหลบหนีข้ามแดนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทางคณะกรรมการมัสยิด จึงพิจารณาตัดสินใจปิดมัสยิดเป็นการชั่วคราว จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

ส่วนประเด็นเรื่องพี่น้องมุสลิมชาวเมียนมา หลบหนีเข้าเมืองมาอยู่ในชุมชนนั้น ชี้แจงว่าเป็นการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน และยืนยันว่าไม่มี เป็นแต่เพียงข้อห่วงใยเท่านั้น เกรงว่าจะมีการหลบหนีเข้ามา แต่ยอมรับว่ามีคนที่ไปละหมาดที่มัสยิดอัตตั๊กวา และถูกตรวจวัดมีอุณหภูมิสูงจริง โดยทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้เข้าตรวจสอบ และดำเนินการตามกระบวนการแล้ว พบว่าเป็นคนไข้ธรรมดาเท่านั้น และพี่น้องมุสลิมคนดังกล่าว ก็ไม่เคยมาที่มัสยิดช้างคลานแต่อย่างใด ขณะที่ป้ายประกาศที่มีข้อความคลาดเคลื่อนนั้น ได้ปลดออกและทำป้ายประกาศใหม่ที่แก้ไขข้อความให้ถูกต้อง เตรียมนำติดประกาศแทนแล้ว

รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีที่เกิดขึ้นทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะโรงพยาบาลเทศบาลนครเชียงใหม่ ให้จัดทีมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียดแล้ว และกำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมจัดทำรายงานให้ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่

ร่วมแสดงความคิดเห็น