วัดปงยางคก ต.ปงยางคก อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง จัดกิจกรรมแขวนโคมไฟ เนื่องในช่วงประเพณียี่เป็ง
ของทางภาคเหนือ หรือเทศกาลลอยกระทง เพื่อเป็นการทำบุญสักการะพระพุทธเจ้า ในคืนวันเพ็ญเดือนสิบสอง
โดยมีความเชื่อว่า โคมไฟเป็นแสงสว่างช่วยทำทางชีวิต สะเดาะเคราะห์ให้พ้นทุกข์พ้นโศก ชีวิตเจริญรุ่งเรือง
โดยกิจกรรมดังกล่าว จัดขึ้นโดยชาวบ้านศรัทธากลุ่มอนุรักษ์วัดปงยางคก ซึ่งทำขึ้นเป็นปีที่ 3 เริ่มตั้งแต่วันออกพรรษา
เมื่อวันที่ 2 ต.ค.2563 ที่ผ่านมา ได้มีชาวบ้านเข้ามาบูชาโคม ลูกเล็ก 69 บาท และลูกใหญ่ 109 บาท พร้อมทั้งทำบุญผ้าห่มพระธาตุตามกำลังศรัทธา โดยมีประชาชนที่สนใจทยอยเข้ามาร่วมทำบุญแขวนโคมแล้วกว่า 300 ลูก ทำให้โคมไฟสวยงามสว่างไสวเต็มลานวัด ซึ่งทางวัดจะเปิดให้ทำบุญไปจนถึงวันที่ 31 ต.ค.นี้ และจะมีพิธีถวายโคม ร่วมทำบุญลอยโคมในวันดังกล่าวด้วย เพื่อนำรายได้ทั้งหมดทำบุญเข้าวัดปงยางคก เพื่อพัฒนาบูรณะวัดต่อไป ส่วนโคมที่แขวนไว้นั้นจะแขวนต่อไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อความสวยงามในช่วงหลังเทศกาล และเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวชมวัดปงยางคกแห่งนี้ เพราะเป็นวัดหนึ่งที่มีประวัติที่น่าสนใจ และมีสถาปัตยกรรมที่งดงาม
สำหรับวัดปงยางคกนี้ มีอายุกว่า 1,300 ปี และพระวิหารเจ้าแม่จามเทวี อายุ 283 ปี ตามตำนานการสร้างเล่าว่า เมื่อปี พ.ศ. 1253 เจ้าแม่จามเทวี กษัตริย์ผู้ปกครองนครหริภุญไชย (ลำพูน) เสด็จมาเยี่ยมพระเจ้าอนันตยศ ราชบุตร ที่มาครองนครเขลางค์ลำปาง ขณะที่จะเดินทัพได้นำฉัตรทอง ไปบูชาพระธาตุลำปางหลวง ปรากฎช้างพระที่นั่งหมอบยอบตัวลง พร้อมทั้งชูงวงในท่าคารวะ เจ้าแม่เห็นก็เกิดความอัศจรรย์ใจ จึงได้ให้มีการพักทัพ ณ บริเวณที่แห่งนี้ พอตกกลางคืน จึงทรงอธิษฐานว่า ถ้าสถานที่แห่งนี้ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็ขอให้เกิดปาฎิหารย์ขึ้น สิ้นคำอธิษฐานก็ปรากฎแสงฉัพพรรณรังษีแห่งพระบรมสารีริกธาตุ พวยพุ่งออกมาจากจอมปลวกแห่งหนึ่ง จึงได้สร้างมณฑปปราสาทขึ้น ครอบจอมปลวกไว้ ตลอดจนสร้างสิงห์คาบนาง สร้างกู่จ๊างนบ พร้อมทั้งปลูกต้นสะหรี (ศรีมหาโพธิ์) และก่อโขงประตูไว้อย่างสวยงาม
และยังมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อันยาวนาน เพราะเป็นถิ่นกำเนิดของเจ้าหนานติ๊บจ๊าง (เจ้าพระยาสุรวฤาชัยสงคราม) วีรบุรุษแห่งเขลางค์นคร ผู้กู้อิสระภาพจากพม่าข้าศึก อันเป็นต้นตระกูลของเจ้าผู้ครองนครในภาคเหนือ
มาตั้งแต่อดีต ก่อนที่เจ้าหนานทิพย์ช้างจะได้ปราบดาภิเษก เป็นเจ้าพระยาสุรวฤาชัยสงคราม ขึ้นปกครองเขลางค์นครลำปาง พระองค์ก็ได้เคยศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย และบวชเป็นพระภิกษุ ณ วัดปงยางคก นี้มาก่อน จึงถือว่าเป็นวัดประวัติศาสตร์ของ จ.ลำปาง อีกแห่งหนึ่ง
ร่วมแสดงความคิดเห็น