ตัวแทนผู้ประกอบการ ยื่นขอผ่อนปรนนำสินค้าอุปโภคบริโภคออกชายแดนเมียนมา

เมื่อเวลา 11. 30 น. วันที่ 7 ต.ค. 63 นางสาวณัฏฐกานต์ ภูริโรจน์ภาคิน ตัวแทนผู้ประกอบการค้าชายแดนบ้านห้วยผึ้ง ต.ห้วยผา อ.เมืองแม่ฮ่องสอน พร้อมด้วยผู้ประกอบการค้าชายแดนอีกจำนวนหนึ่ง ได้เข้ายื่นหนังสือต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อเรียกร้องให้มีการอนุญาตนำสินค้าเครื่องอุปโภคบริโภค ส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศเมียนมา ตามช่องทางจุดผ่อนปรนทางการค้าห้วยผึ้ง ตำบลห้วยผา อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน และช่องทางจุดผ่อนปรน
ห้วยต้นนุ่น ตำบลแม่เงา อำเภอขุนยวม อ้างได้รับผลกระทบเดือดร้อนหนัก สินค้าตกค้างจำนวนมาก หลังทางจังหวัดแม่ฮ่องสอนประกาศปิดด่านชายแดนทุกช่องทาง ห้ามบุคคล ยานพาหนะ สินค้า ทุกชนิดเข้าออก มาตั้งแต่วันที่ 3 ส.ค. 63 และขยายเวลาปิดด่านออกไปอีกจนถึงวันที่ 31 ต.ค. 63 จากการควบคุมป้องกันเพื่อไม่ให้เชื้อไวรัส
โควิด – 19 ที่ระบาดหนักในประเทศเมียนมากระจายเข้ามาฝั่งไทย โดยผู้ประกอบการค้าลงนามขออนุญาตส่งสินค้าออกชายแดนจำนวน 20 กว่าราย


นางสาวณัฏฐกานต์ ตัวแทนผู้ประกอบการค้าชายแดนบ้านห้วยผึ้ง กล่าวว่า หลังทางจังหวัดแม่ฮ่องสอน
มีการประกาศปิดด่านชายแดนทุกช่องทางมากว่า 2 เดือน และมีกำหนดปิดต่อไปอีก 3 เดือน ทำให้ผู้ประกอบการค้าชายแดน ได้รับผลกระทบอย่างหนัก การส่งออกสินค้าชายแดนทุกชนิดต้องหยุดชะงัก มีสินค้าที่ตกลงซื้อกันไว้ล่วงหน้า ต้องตกค้างไม่สามารถนำออกชายแดนได้มีมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท โดยทางผู้ประกอบการไม่ต้องการเงินเยียวยาจากทางภาครัฐ แต่ต้องการให้มีการผ่อนปรนระบายสินค้าทั้งส่งออกและนำเข้าได้บ้าง โดยผู้ประกอบการยอมปฏิบัติตามมาตราการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด – 19 เข้ามาในประเทศอย่างเคร่งครัด จะให้นำสินค้าไปถ่ายเทบริเวณ
สันเขตแดนหรือจุดใดจุดหนึ่งที่ทางรัฐกำหนดให้ก็ได้ เพราะขณะนี้จากการล็อคดาวน์ในประเทศเมียนมา ทำให้ราษฎรของเขากำลังขาดแคลนอาหาร รวมถึงหน้ากากอนามัย และยาฆ่าเชื้อโรค ซึ่งต้องการความช่วยเหลือ
ให้มีการนำเข้ามาจากฝั่งไทยเป็นอย่างมาก


นางสาวณัฏฐกานต์ ตัวแทนผู้ประกอบการค้าชายแดนบ้านห้วยผึ้งกล่าวต่อไปอีกว่า “เส้นทางการค้าชายแดนด้านจังหวัดแม่ฮ่องสอนถือว่ามียุทธศาสตร์การส่งออกสินค้าที่ได้เปรียบเมื่อเทียบกับชายแดนจังหวัดอื่น แต่เมื่อมีการปิดด่านระยะยาว ขาดการค้าขายที่ไม่ต่อเนื่องและล่าช้า จึงมีความกังวลว่าหากวันข้างหน้าสถานการณ์ดีขึ้นทาง
ผู้ประกอบการอาจเปลี่ยนช่องทางการส่งออกสินค้า ไปยังชายแดนด้านจังหวัดอื่น และคู่ค้าทางประเทศเมียนมาเอง
ก็อาจจะหาแหล่งวัตถุดิบ หรือแหล่งผลิตสินค้าจากประเทศอื่นเข้ามาทดแทนประเทศไทยก็เป็นได้

ทางศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน หลังรับหนังสือแล้ว ได้แจ้งกับผู้ประกอบการว่า จะเร่งนำเรื่องเสนอต่อศูนย์
สั่งการชายแดนจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นผู้อำนวยการศูนย์ ฯ เพื่อให้มีการพิจารณาดำเนินการในขั้นตอนต่อไป

สำหรับการค้าขายในจุดผ่อนปรนทางการค้าชายแดนด้านจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งมีการแลกเปลี่ยนค้าขายกันระหว่างพ่อค้าชาวไทยกับพ่อค้าชาวรัฐคะยา และรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ปัจจุบันมีทั้งหมด 4 ช่องทาง ประกอบด้วยช่องทางเสาหิน อำเภอแม่สะเรียง ช่องทางแม่สามแลบ อำเภอสบเมย ช่องทางห้วยต้นนุ่น อำเภอขุนยวม และช่องทางห้วยผึ้ง อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน โดยช่วงระยะ 5 – 6 ปีที่ผ่านมา มีมูลค่าการค้าขายทุกช่องทางรวมกันกว่า 1,000 ล้านบาท และในปี 63 มีมูลค่าการค้าขายระหว่างกันได้เพียง 258 ล้านบาท ก็ต้องชะลอตัวลงจากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 ในประเทศ และต่อมาการค้าขายชายแดนด้านจังหวัดแม่ฮ่องสอนต้องหยุดชะงักลง หลังมีคำสั่งปิดด่านจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส – 19 อย่างรุนแรงในประเทศเมียนมา

ร่วมแสดงความคิดเห็น