ม.แม่โจ้ เตรียมสัมมนาวิชาการส่งเสริมและพัฒนาเครือข่ายมหาวิทยาลัยและส่วนราชการ และการประชุมใหญ่สามัญสมาคม ทปอ.ครั้งที่ 4/2563

ม.แม่โจ้ เตรียมต้อนรับ 2 รัฐมนตรี สัมมนาวิชาการส่งเสริมและพัฒนาเครือข่ายมหาวิทยาลัยและส่วนราชการ จ.เชียงใหม่-ลำพูน-แม่ฮ่องสอน เรื่อง “พลังอุดมศึกษากับการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน” พร้อมจัดประชุมสามัญ       ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย และการประชุมใหญ่สามัญสมาคม ทปอ.ครั้งที่ 4/2563

มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เตรียมจัดการประชุมสัมมนาวิชาการเพื่อส่งเสริมและพัฒนาเครือข่ายมหาวิทยาลัยและ            ส่วนราชการจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน แม่ฮ่องสอน เรื่อง “พลังอุดมศึกษากับการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน”              โดย ได้รับเกียรติจากพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานและบรรยายพิเศษ       เรื่อง “การพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน แม่ฮ่องสอน เพื่อขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน” และได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เข้ามอบนโยบายและบรรยายพิเศษ เรื่อง “การปฏิรูปอุดมศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ (New nomal)” ในวันเสาร์ที่             24 ตุลาคม 2563 พร้อมกันนี้ ได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสามัญที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย พร้อมการประชุมใหญ่สามัญสมาคม ทปอ.ครั้งที่ 4/2563 ในวันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม 2563 ณ ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่

รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวว่า “มหาวิทยาลัยแม่โจ้จัดตั้งขึ้นเมื่อปี    พ.ศ. 2477 จะมีอายุครบ 100 ปี ใน พ.ศ.2577 ปัจจุบันเปิดการเรียนการสอน ทั้งระดับปริญญาตรี ปริญโท ปริญญาเอก กว่า 100 หลักสูตร โดยได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริหารจัดการเพื่อให้มีทิศทางการพัฒนาไปสู่เป้าหมาย      ตามกรอบที่วางไว้ ซึ่งการแบ่งกลุ่มสถาบันอุดมศึกษาตามจุดเน้นยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาประเทศ มหาวิทยาลัย แม่โจ้ จัดอยุ่ในกลุ่มที่ 2 คือกลุ่มการพัฒนาเทคโนโลยีและส่งเสริมการสร้างนวัตกรรม ที่มุ่งเน้นการสร้างสรรค์เทคโนโลยีและนวัตกรรม สร้างผู้ประกอบการและต่อยอดสู่ SMEs สตาร์ทอัพ เพื่อไปพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศต่อไป

ตามที่รัฐบาลมีนโยบายในการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในภาพรวมของประเทศให้ไปในทิศทางเดียวกันมหาวิทยาลัยจึงได้จัดการสัมมนาวิชาการเพื่อส่งเสริมและพัฒนาเครือข่ายมหาวิทยาลัย และส่วนราชการจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน แม่ฮ่องสอน เรื่อง “พลังอุดมศึกษากับการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน” เพื่อถ่ายทอดนโยบายการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน สู่การปฏิบัติจริงในระดับพื้นที่ผ่านการร่วมระดมความคิดเห็น แลกเปลี่ยนเรียนรู้และประสบการณ์ระหว่างผู้บริหารสถาบันอุดมศึกษาและหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง

ในครั้งนี้ มหาวิทยาลัยยังได้จัดแสดงผลงานวิจัยแห่งชาติ และระดับนานาชาติ พ.ศ.2555-2563 แบ่งเป็น              กลุ่มยุทธศาสตร์การพัฒนามหาวิทยาลัยแม่โจ้ สู่ปีที่ 100 , กลุ่มผลงานวิจัย เทคโนโลยีและนวัตกรรมเด่น,            กลุ่มอาหารและยา, กลุ่มโครงการสนับสนุนขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เช่น โครงการจ้างงาน โครงการ 1 ตำบล 1 มหาวิทยาลัย โครงการ non-degree โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มโครงการที่เกี่ยวข้องกับการสู้ภัย COVID-19 เช่น โครงการแม่โจ้ส่งเสริมการปลูกผักสวนครัวทั่วไทยสู้ภัย COVID-19 ซึ่งมหาวิทยาลัยได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติ “ผู้สนับสนุนการน้อมนำแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพ-รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สู่แผนปฏิบัติการ 90 วัน ปลูกผักสวนครัวเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร” จากกระทรวงมหาดไทยเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2563 นอกจากนั้นยังมีการแสดงผลงานที่ได้รับความร่วมมือกับเครือข่ายด้านการเกษตร โครงการสนองงานพระราชดำริ นิทรรศการด้านเกษตรอินทรีย์และเกษตรธรรมชาติ รวมทั้งสิ้นกว่า 80 ผลงาน และทุกท่านจะศึกษาดูงานพื้นที่ต้นแบบเกษตรทฤษฎีใหม่ในพระราชดำริ พื้นที่ฟาร์มเกษตรและแปรรูปเพิ่มมูลค่าอย่างครบวงจรนำไปสู่เครือข่ายการทำงานในการขับเคลื่อนการปฏิรูปอุดมศึกษาและพัฒนาประเทศไทยไปด้วยกันให้ประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม”

ผู้เข้าร่วมการสัมมนาในครั้งนี้ ได้แก่ ผู้บริหารสถาบันอุดมศึกษา ผู้บริหารส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน แม่ฮ่องสอน และผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรการพัฒนานักบริหารมหาวิทยาลัยสายวิชาการระดับสูง(นบม.) รวมจำนวน 200 คน ซึ่งหลังการสัมมนาในครั้งนี้ มหาวิทยาลัยจะได้นำ    ข้อสรุปที่ได้ ถ่ายทอดเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม ในการประชุมสามัญที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยและการประชุมใหญ่สามัญสมาคมที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 4/2563 ต่อไป

ด้าน นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า “จังหวัดเชียงใหม่ได้ประชุมเพื่อขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน ร่วมกับหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้นภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และได้แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับจังหวัด ในการติดตาม รับฟัง และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเร่งด่วนในจังหวัด และจัดให้มีการตอบสนองความต้องการของประชาชนในจังหวัดให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม รวดเร็วและทันเหตุการณ์ ในกรณีที่เกินขีดความสามารถหรือศักยภาพของจังหวัดให้รายงานรัฐมนตรีที่รับผิดชอบในระดับพื้นที่จังหวัด บูรณาการการทำงานกับ      ทุกภาคส่วนในพื้นที่อย่างเป็นระบบ เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน และยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน รวมถึงแนวคิดวิถีชีวิตใหม่และการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน อีกทั้งยังสร้างความตระหนักรู้        ความเข้าใจแก่ประชาชน ให้เห็นความจำเป็นในการร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ ตลอดจนติดตามประเมินผลการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน เพื่อสนองต่อความต้องการของประชาชน และได้ร่วมกันหารือในเรื่องการดำเนินงานเพื่อส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยว และการแก้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ของจังหวัดเชียงใหม่        โดยบูรณาการการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ทั้งการสร้างกิจกรรมดึงดูด  นักท่องเที่ยวภายในประเทศ พร้อมทั้งมาตรการการรองรับในด้านต่างๆ ในขณะเดียวกันยังคงให้ความสำคัญใน    เรื่องของความปลอดภัยเกี่ยวกับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)         อย่างเคร่งครัด ดังนั้นจังหวัดเชียงใหม่พร้อมรับนโยบายและถ่ายทอดสู่การปฏิบัติและร่วมขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน”

สำหรับการประชุมสามัญที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย(ทปอ.) และการประชุมใหญ่สามัญสมาคม ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 4/2563 มหาวิทยาลัยแม่โจ้ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดขึ้น ในวันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม 2563 โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย ให้เกียรติเป็นประธานในการประชุม ซึ่งจะมีอธิการบดี       รองอธิการบดีอีกแห่งละ 2 ท่าน จาก 34 สถาบันสมาชิกเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ นอกจากนั้นยังได้มีการดำเนินการเลือกตั้งประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยและนายกสมาคมที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย              ในคราวเดียวกันอีกด้วย

ร่วมแสดงความคิดเห็น