วัดบวกครกหลวง ร่วมสืบสานงานประเพณีตั้งธรรมหลวงประเพณี จุดผางประทีปส่องฟ้า ประเพณีห้อยโคม บูชาพระพุทธคุณ ประจำปี2563

นายศิริพัฒน์ กาวิละ นายกเทศมนตรีตำบลท่าศาลา คณะผู้บริหาร ปลัดเทศบาล เป็นประธานในพิธีเปิดงานประเพณีตั้งธรรมหลวงประเพณีจุดผางประทีปส่องฟ้า ประเพณีห้อยโคม บูชาพระพุทธคุณ ประจำปี2563 ณ วัดบวกครกหลวง อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

โดยมีนายบุญเรือง ไชยแก้ว ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่1 คณะกรรมการการจัดงาน กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานเพื่อสืบทอดประเพณีที่มีแต่โบราณของชาวล้านนา สำหรับการจุดผางประทีป คือภาชนะดินเผา ตรงกลางมีลักษณะเป็นหลุมลงไปไม่ลึกมาก เพื่อให้เพียงพอต่อการใส่ไส้เทียนที่ทำมาจากฝ้ายและขี้ผึ้ง เป็นสัญลักษณ์สำคัญที่แสดงให้เห็นว่า เข้าสู่ช่วง ประเพณีลอยกระทง หรือเทศกาลยี่เป็งของจังหวัดเชียงใหม่แล้วสำหรับผางประทีปถือได้ว่าเป็นการสักการบูชาในพระพุทธศาสนา เป็นเอกลักษณ์ทางภูมิปัญญาท้องถิ่น แสงที่สว่างไสวของประทีปมีความเชื่อว่าจะทำให้มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดมีแสงสว่างนำทางชีวิต

ในช่วงประเพณียี่เป็ง ชาวล้านนาจะนิยมจุดผางประทีปเป็นพุทธบูชา สืบเนื่องมาจากตำนานพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ได้แก่ พระกกุสันธะ พระโกนาคมนะ พระกัสสปะ พระโคตม (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน) พระศรีอริยะเมตไตรพระพุทธเจ้าทั้งห้าพระองค์ได้ถือกำเนิดจากแม่กาเผือก วันหนึ่งขณะที่แม่กาออกไปหาอาหารได้เกิดพายุขึ้น ทำให้ไข่ทั้งห้าฟองของแม่กาเผือกถูกพัดตกจากรังไหลไปตามแม่น้ำ และมีแม่ไก่ แม่นาค แม่เต่า แม่โค และแม่ราชสีห์เก็บไปเลี้ยง เมื่อไข่ทั้งห้าฟองฟักออกมาเป็นมนุษย์เป็นเพศชาย ก็ได้บวชเป็นฤๅษีทั้งห้าองค์ เมื่อฤๅษีทั้งห้าได้พบกัน จึงไต่ถามถึงมารดาของแต่ละองค์ แต่ละองค์ก็ตอบว่า แม่ไก่เก็บมาเลี้ยง แม่นาคเก็บมาเลี้ยง แม่เต่าเก็บมาเลี้ยง แม่โคเก็บมาเลี้ยง และแม่ราชสีห์เก็บมาเลี้ยง ฤๅษีทั้งห้าองค์จึงสงสัยว่า แม่ที่แท้จริงของตนเป็นใคร จึงพากันอธิษฐานขอให้ได้พบแม่ ด้วยคำอธิษฐาน จึงทำให้พกาพรหม ผู้เป็นแม่ได้แปลงกายเป็นกาเผือกบินลงมาเล่าเรื่องในอดีตให้ฤๅษีทั้งห้าฟัง และได้บอกว่าหากคิดถึงแม่ ให้นำด้ายดิบมาฟั่นเป็นตีนกาจุดเป็นประทีปบูชาในวันยี่เป็ง ด้วยอานิสงส์แห่งการถวายประทีสตีนกา จึงทำให้ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าทั้งห้าพระองค์ และการจุดผางประทีปนี้ ยังเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อทดแทนการปล่อยโคมลอย นอกจากจะช่วยลดจำนวนการจุดโคมลอยขึ้นฟ้าในเขตชุมชนแล้ว ยังทำให้เยาวชนรุ่นหลังได้สืบสานวิถีการจุดผางประทีปดั้งเดิมไม่ให้สูญหายไปด้วย

 

ร่วมแสดงความคิดเห็น