กรมอนามัยเตือน ขับรถไกลกินแป้ง ขนมปังมากทำให้ง่วง แนะกินผลไม้ น้ำผลไม้คั้นสดรสเปรี้ยวช่วยได้

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ห่วงสุขภาพผู้ที่ขับรถทางไกล ควรเลี่ยงกินอาหารประเภทแป้ง ขนมปัง              และของหวาน เนื่องจากมีผลทำให้ง่วงนอน แนะให้กินผลไม้หรือดื่มน้ำผลไม้คั้นสดรสเปรี้ยวที่เป็นแหล่งวิตามินซี โดยไม่เติมน้ำตาลหรือน้ำเชื่อม จะช่วยต้านความเหนื่อยล้าได้

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ช่วงวันหยุดยาวเมื่อต้องขับรถทางไกลเป็นเวลานาน ๆ ผู้ขับอาจจะรู้สึกอ่อนเพลียและเกิดอาการง่วงได้ ส่วนหนึ่งอาจเกิดจากการ กินอาหารประเภทแป้ง ขนมปังขาว ข้าวขาว รวมทั้งของหวาน เช่น เค้ก คุกกี้ เครื่องดื่มรสหวาน เพราะเมื่อกิน เข้าไป             แล้วจะทำให้ง่วงนอน เนื่องจากเป็นสารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตชนิดเร่งด่วนที่ทำให้ตับอ่อนต้องหลั่งอินซูลินออกมามาก จึงทำให้น้ำตาลในเลือดขึ้นสูงและทำให้ง่วงนอน อีกทั้งน้ำตาลที่เพิ่มขึ้นยังจำเป็นต้องใช้วิตามินเช่น       วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 ในการสังเคราะห์กลูโคสเพื่อให้ได้พลังงาน ดังนั้นเมื่อร่างกายขาดแคลน     วิตามินดังกล่าวจะทำให้ร่างกายอ่อนล้า เรี่ยวแรงถดถอยจึงมีผลทำให้รู้สึกง่วง

นอกจากนี้การขับรถทางไกลควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทเนื้อสัตว์ที่ย่อยยาก กะหล่ำปลีดิบ ดอกกะหล่ำ ถั่ว             บรอคโคลี หอมใหญ่ หน่อไม้ฝรั่ง มันฝรั่ง นม ถั่วเปลือกแข็ง โดยเฉพาะถั่วผสมเกลือ มีผลทำให้ท้องอืด                หรือสร้างแก๊สในกระเพาะอาหาร ทำให้ลำไส้เล็กดูดซึมสารอาหารไม่หมด ส่งผลให้อาหารเหลือไปยังลำไส้ใหญ่    ไม่ได้ย่อย เกิดการหมักหมมทำให้ท้องอืดเฟ้อ และง่วงนอน

“ทั้งนี้ เครื่องดื่มประเภทชูกำลังก็ควรงดหรือเลี่ยงเช่นเดียวกัน เพราะแม้หลายคนจะมีความเชื่อว่า เครื่องดื่มชูกำลัง  จะทำให้ร่างกายตื่นตัว ไม่ง่วง แต่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ยิ่งละเลยการพักผ่อน ทำให้ยิ่งอ่อนล้าจนมีอาการมึนงง อีกทั้งยังส่งผลให้หัวใจเต้นเร็ว หายใจถี่ และเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง หลอดเลือด และหัวใจตามมา ในระยะยาวได้         ผู้ขับรถทางไกลจึงควรเปลี่ยนเป็นดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ 6-8 แก้วต่อวัน หรือกินผลไม้สดหรือ ดื่มน้ำผลไม้คั้นสดรสเปรี้ยวที่เป็นแหล่งวิตามินซี โดยไม่เติมน้ำตาล หรือน้ำเชื่อม เช่น ส้ม ฝรั่ง มะม่วงดิบ หรือสับปะรดแทนจะดีกว่า เพราะวิตามินซีจะช่วยต้านความเหนื่อยล้าจากความเครียดและกังวลขณะขับรถได้” รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอนามัย กล่าว

ร่วมแสดงความคิดเห็น