สสจ.เชียงใหม่ เตือนประชาชนและนักท่องเที่ยว ระวังโรคไข้รากสาดใหญ่ และไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์คลายหนาว เพราะอาจเสี่ยงเสียชีวิตได้

นพ.จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ในช่วงนี้เข้าสู่ช่วงฤดูหนาวแล้ว สภาพอากาศในหลายพื้นที่ มีความหนาวเย็นอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ เป็นจำนวนมาก จึงขอเตือนนักท่องเที่ยวที่เดินทางรับลมหนาว และกางเต็นท์นอนในป่า ระวังถูก “ตัวไรอ่อน” กัดได้ ทำให้เสี่ยงป่วยด้วยโรคไข้รากสาดใหญ่

ข้อมูลรายงานการเฝ้าระวังงานระบาดวิทยา กลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่ 1 มกราคม – 17 พฤศจิกายน 2563 พบผู้ป่วยโรคไข้รากสาดใหญ่ 548 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิต อำเภอที่มีอัตราป่วยสูงสุด คือ อำเภอกัลยาณิวัฒนา สะเมิง และอมก๋อย ตามลำดับ

สำหรับ “โรคไข้รากสาดใหญ่” หรือ “โรคสครับไทฟัส” (Scrub typhus) เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ซึ่งมีตัวไรอ่อนเป็นพาหะ ติดต่อโดยถูกไรอ่อนที่มีเชื้อกัด ไรอ่อนจะอาศัยอยู่ตามใบไม้ ใบหญ้า ใกล้กับพื้นดิน ไรอ่อนจะกระโดดเกาะตามเสื้อผ้าของคน และกัดผิวหนังที่สัมผัสกับเสื้อผ้า ปกติเราจะมองไม่เห็นตัวไรอ่อน เนื่องจากมีขนาดเล็กมาก ส่วนใหญ่บริเวณที่ถูกกัด คือ รักแร้ ขาหนีบ รอบเอว หลังถูกไรอ่อนกัดประมาณ 10-12 วัน อาการที่พบ ปวดศีรษะ มีไข้ หนาวสั่น ไอ ตาแดง คลื่นไส้อาเจียน ปวดเมื่อยตัว อ่อนเพลีย และบริเวณที่ถูกกัดอาจจะมีผื่นแดงขนาดเล็กค่อย ๆ นูนหรือใหญ่ขึ้น และอาจจะพบแผลคล้ายบุหรี่จี้ (Eschar) แต่จะไม่ปวดและไม่คัน ผู้ป่วยบางรายอาจหายได้เอง แต่บางรายอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้ เช่น ปอดอักเสบ เยื่อหุ้มสมองและสมองอักเสบ อาจทำให้เสียชีวิตได้

จึงขอแนะนำให้ประชาชนที่เดินทางท่องเที่ยวตั้งแคมป์ กางเต็นท์นอนในป่า ควรสวมเสื้อผ้าให้มิดชิด เช่น เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว และทาโลชั่นกันยุงที่มีส่วนผสมของสาร DEET หรือใช้สมุนไพรทากันยุง ซึ่งสามารถป้องกันตัวไรอ่อนกัดได้ นอกจากนี้ หลีกเลี่ยงการเข้าไปในบริเวณที่มีตัวไรอ่อนชุกชุม ไม่ว่าจะเป็นป่าโปร่ง ป่าละเมาะ บริเวณที่มีการปลูกป่าใหม่หรือตั้งรกรากใหม่ ทุ่งหญ้า ชายป่าหรือบริเวณต้นไม้ใหญ่ ที่แสงแดดส่องไม่ถึง หลังออกจากป่าให้อาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย และนำเสื้อผ้าที่สวมใส่มาซักให้สะอาด ด้วยผงซักฟอกเข้มข้น เพราะอาจมีตัวไรอ่อนติดมากับร่างกายหรือเสื้อผ้าได้

นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในประเด็นการเสียชีวิตจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในฤดูหนาว ยังพบว่าประชาชนบางส่วนมีความเชื่อว่า การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้ร่างกายอบอุ่นคลายหนาวได้ อีกทั้งช่วยลดความปวดเมื่อย แต่แท้จริงแล้วเป็นความเชื่อ และความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราะฤทธิ์ของแอลกอ ฮอล์จะทำให้ผู้ดื่มมีความรู้สึกอบอุ่นขึ้นเพียงชั่วครู่ เพราะเป็นผลมาจากการที่หลอดเลือดฝอยขยายตัว และยังเป็นช่องทางระบายความร้อนออกจากร่างกาย เนื่องจากยิ่งดื่มแอลกอฮอล์มากขึ้นเท่าไหร่ ความร้อนก็จะถูกระบายออกจากร่างกายมากขึ้นเท่านั้น และจะทำให้อุณหภูมิในร่างกายลดต่ำลงกว่าปกติ เกิดภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำ หรือไฮโปเทอร์เมีย (hypothermia) เมื่อเราหลับและร่างกายสัมผัสอากาศเย็นเป็นเวลานาน จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิตได้ สำหรับวิธีการปฏิบัติตนในภาวะอากาศหนาวนี้ ขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงด้วย การออกกำลังกาย รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ สวมใส่เสื้อผ้ากันหนาวและห่มผ้าหนาๆ ให้ร่างกายอบอุ่น อาศัยอยู่ในที่อบอุ่นสามารถป้องกันลมหนาวอย่างเหมาะสม ที่สำคัญไม่ควรดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพราะเป็นปัจจัยเสริมสำคัญทำให้เสี่ยงต่อการเสียชีวิตในช่วงอากาศหนาวได้

ทั้งนี้สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ หมายเลขโทรศัพท์ 053-211048-50 ต่อ 110

ร่วมแสดงความคิดเห็น