เริ่มวันนี้ สนามบินเชียงใหม่ ปรับเปลี่ยนวิธีตรวจกระเป๋า (ที่โหลดใต้ท้องเครื่อง) ตามมาตรฐานปลอดภัย-ลดการแออัด

วันที่ 1 ธันวาคม 2563 น.ท.มัธยัณห์ ไกรสรทองศรี รองผู้อำนวยการ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (สายปฏิบัติการ) ผู้บริหารท่าอากาศยานเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่สายการบินและผู้ที่เกี่ยวข้อง ร่วมติดตามการเริ่มใช้วิธีการตรวจสอบสัมภาระลงทะเบียน (สัมภาระโหลดใต้ท้องเครื่อง) แบบใหม่ โดยได้ยกเลิกจุดตรวจค้นบริเวณประตูทางเข้าอาคารผู้โดยสาร คงไว้แต่เฉพาะการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ด้วยเครื่องเทอร์โมสแกน ตรวจสอบการสวมหน้ากากอนามัยและเว้นระยะห่าง ตามมาตรการคัดกรองด้านสาธารณสุข กำหนดประตูเข้าอาคารผู้โดยสาร เป็นประตูหมายเลข 3, 5 และ 6 ส่วนประตูออกได้แก่ ประตูหมายเลข 1,2,4 และ 6


สำหรับการปฏิบัติของผู้โดยสาร หลังจากเข้ามาภายในอาคารผู้โดยสารแล้ว หากไม่มีสัมภาระลงทะเบียน สามารถเช็กอินได้ตามช่องทางต่างๆ ได้แก่ เคาน์เตอร์เช็กอินของสายการบิน ตู้เช็กอินอัตโนมัติ หรือ Application จากนั้นเข้าสู่กระบวนการตรวจ X-Ray ก่อนขึ้นเครื่องตามปกติ ส่วนผู้โดยสารที่มีสัมภาระลงทะเบียน ต้องทำการเช็กอิน ณ เคาน์เตอร์เช็กอินของสายการบิน เพื่อรับบัตรผ่านขึ้นเครื่อง (Boarding Pass) และติดป้ายติดประเป๋า (Baggage Tag) หลังจากนั้นนำสัมภาระที่มีป้ายติดกระเป๋าไปผ่านเครื่อง X-Ray ที่เชื่อมต่อกับสายพานลำเลียงกระเป๋า

โดยเบื้องต้นกำหนดให้ผู้โดยสารของสายการบิน นกแอร์ ไทยแอร์เอเชีย และบางกอกแอร์เวย์ เช็กอินและนำสัมภาระไปผ่านเครื่อง X-Ray ด้านพื้นที่สีแดง ส่วนผู้โดยสารของสายการบิน ไทยสมายล์ ไทยไลอ้อนแอร์ และไทยเวียตเจ็ท เช็กอินและนำสัมภาระไปผ่านเครื่อง X-Ray ด้านพื้นที่สีน้ำเงิน สำหรับผู้ที่มีอาวุธปืนยังคงต้องดำเนินการลงทะเบียนฝากอาวุธปืนตามปกติ ณ บริเวณประตูหมายเลข 3
ทั้งนี้จากการสังเกตการณ์ในช่วงเช้า พบว่าการให้บริการผู้โดยสารเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ผู้โดยสารและผู้ใช้บริการส่วนใหญ่แสดงความพอใจการยกเลิกตรวจค้นบุคคลและสัมภาระที่บริเวณประตูทางเข้าอาคาร ขณะเดียวกันท่าอากาศยานเชียงใหม่ และสายการบินได้จัดเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำผู้โดยสารที่มีสัมภาระโหลดใต้ท้องเครื่อง ตามจุดต่างๆ อย่างใกล้ชิด

ท่าอากาศยานเชียงใหม่

ร่วมแสดงความคิดเห็น