(มีคลิป) ทส. ยืนยันว่า ประเทศไทยมีการดูแลคุณภาพชีวิตของชุมชนกระเหรี่ยงในพื้นที่เป็นอย่างดี

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม แถลงต่อสื่อมวลชน พร้อมผู้บริหารกระทรวง ภายหลังการประชุมคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ครั้งที่ 2/2563 โดยระบุว่า ประเด็นการร้องเรียนของกลุ่มชาติพันธุ์นั้น ขอยืนยันการดำเนินงานของกระทรวง ได้ให้ความสำคัญกับการดูแลชุมชนการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก จะไม่มีการกระทบความเป็นอยู่ ของคนในชุมชน และต้องไม่ทำให้เกิดความเดือดร้อนรวมถึงที่ทำกินของคนในพื้นที่ และได้มีการลงพื้นที่พูดคุยกันมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ และเจ้าหน้าที่จากส่วนกลาง รวมทั้งประเทศไทยยังได้เชิญทูตจากชาติต่างๆ ลงพื้นที่มาแล้วด้วย ซึ่งก็ได้นำเสนอข้อเท็จจริงในทุกด้าน และได้รับความพอใจอย่างดี

ดร. รวีวรรณ ภูริเดช เลขาธิการสำนักงานนโยบาย และแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวถึง ประเด็นที่ชาวบ้านบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี จำนวน 23 คน ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการมรดกโลก ผ่านสหภาพระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) ที่ปรึกษาของคณะกรรมการพิจารณาการขอขึ้นทะเบียนพื้นที่มรดกโลก (UNESCO) เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2563 ในการเสวนา “โค้งสุดท้ายกลุ่มป่าแก่งกระจานสู่มรดกโลก” เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาของชุมชน ก่อนเดินหน้ายื่นเรื่องขอขึ้นทะเบียนพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นผืนป่ามรดกโลกนั้น ข้อเรียกร้องในประเด็นต่างๆ คือ

ประเด็นที่ 1 การขอให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาเรื่องที่ดินทำกินให้กับชาวบ้านเสร็จสิ้นก่อน เพราะปัจจุบันการแก้ไขปัญหายังแทบไม่มีความคืบหน้าใดๆ นั้น ซึ่งกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงในพื้นที่บ้านโป่งลึก – บางกลอย ได้รับการจัดสรรที่ดินครอบครัวละ 7 ไร่ 3 งาน (1,250 ตารางเมตร) จำนวน 57 แปลง รวมทั้งหมด 413.25 ไร่ ต่อมาได้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2541 และคำสั่ง คสช.ที่ 66/2557 (ระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน 2541 – วันที่ 17 มิถุนายน 2557) โดยรวมทั้ง 2 หมู่บ้าน คือ บ้านโป่งลึก – บางกลอย มีผู้ถือครองที่ดิน จำนวน 260 ราย 337 แปลง คิดเป็นพื้นที่ 1,890 ไร่ ในส่วนของราษฎรที่ขาดแคลนที่ดินทำกิน ทส. อยู่ระหว่างดำเนินการแก้ปัญหาพื้นที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกิน การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติที่ประเทศไทยตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ปัจจุบัน มีราษฎรจากบ้านบางกลอย 30 ราย และบ้านโป่งลึก 37 ราย มาทำการแจ้งการครอบครองที่ดินแล้ว

ประเด็นที่ 2 ชาวบ้านบางกลอย ขอกลับไปทำไร่หมุนเวียน ซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ได้รับการยอมรับจากรัฐบาลไทย โดยชาวบ้านบางกลอยสามารถทำไร่หมุนเวียนได้ภายในขอบเขตที่ดินของตนเองที่ผ่านการสำรวจการถือครองที่ดินในเขตอนุรักษ์ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562

และประเด็นที่ 3 ชาวบ้านบางกลอยบางส่วน ต้องการกลับไปอยู่ในพื้นที่เดิม ซึ่งเคยเป็นหมู่บ้านที่เคยขึ้นทะเบียนไว้กับกระทรวงมหาดไทยเพื่อกลับไปใช้ชีวิตดังเดิมนั้น ปัจจุบัน อส. ไม่สามารถอนุญาตให้ชาวบ้านบางกลอยกลับไปทำกินในพื้นที่บริเวณบ้านใจแผ่นดิน – บางกลอยบน เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ใกล้ชายแดนไทย – เมียนมา อาจส่งกระทบทางด้านความมั่นคงของประเทศ และยากต่อการควบคุมการข้ามฝั่งไปมาของกลุ่มชาติพันธุ์

ทั้งนี้เลขาธิการ สผ ยืนยันว่า ประเทศไทยมีการดูแลคุณภาพชีวิตของชุมชนกระเหรี่ยงในพื้นที่เป็นอย่างดี การขึ้นทะเบียนมรดกโลกจะเป็นผลดี ทำให้มีการยกระดับการดูแลพื้นที่ที่เป็นมาตรฐานสากลและไม่กระทบต่อวิถีชีวิตของชุมชนกระเหรี่ยง

ร่วมแสดงความคิดเห็น